16
ผลิตภัณฑ์
ที่คุณวิจารณ์แล้ว
171
ผลิตภัณฑ์
ในบัญชี

บทวิจารณ์ล่าสุดโดย LEOK76

< 1  2 >
กำลังแสดง 1-10 จาก 16 รายการ
1 คน พบว่าบทวิจารณ์นี้เป็นประโยชน์
195.4 ชม. ในบันทึก
Tales of Symphonia ที่ว่ากันว่าเป็นภาคที่สร้างชื่อให้กับซีรี่ส์ Tales และเป็นหนึ่งในภาคที่หลายๆคนได้เริ่มหันมารู้จักสนใจกับซีรี่ส์นี้

Tales of Symphonia ลงครั้งแรกให้กับเครื่อง Nintendo GameCube เมื่อปี 2003 ก่อนจะได้รับการพอร์ทไปยังเครื่องอื่นอย่าง PS2 และมีการทำเวอร์ชั่น HD , เวอร์ชั่น Remaster ตามต่อๆกันมา ซึ่งการที่ตัวเกมมีการทำออกมาหลายรอบแบบนี้ ก็เป็นเรื่องพิสูจน์ให้เห็นเป็นอย่างดีแล้วว่า Tales of Symphonia เป็นหนึ่งในภาคที่ได้รับความนิยมมากที่สุดภาคหนึ่งเลยทีเดียว

สำหรับตัวเกมบนเวอร์ชั่น PC Steam นี้เป็นเวอร์ชั่น HD การพอร์ทมาลงไม่ได้มีปัญหาอะไร เล่นได้ไหลลื่นทุกอย่างปกติดี อย่างไรก็ตามด้วยความที่เป็นเกมยุคเก่า ทำให้บางสิ่งบางอย่างนั้นค่อนข้างจะขัดใจค่อนข้างมาก ยกตัวอย่างคือ เฟรมเรต 30 FPS ที่โดยส่วนตัว ตอนเปิดเล่นครั้งแรก เล่นแทบจะไม่ได้ เพราะมันอืดมากกกกกกกกก มันอืดไปหมด อืดดดด จนเหมือนทุกอย่างเป็นสโลโมชั่นไปหมด , ฉากแผนที่ World Map มุมกล้องเป็นอะไรที่น่าหงุดหงิดมาก ไม่สะดวกในการควบคุมและการมองเห็นเลย และศัตรูบน World Map ที่น่ารำคาญสุดๆ

ระบบเกมเพลย์ การต่อสู้ก็จะเป็นตามแบบสไตล์ของเกมซีรี่ส์ Tales ในยุคแรกๆ ซึ่งเป็นจุดขายของซีรี่ส์นี้อยู่แล้ว ส่วนเกมเพลย์อื่นๆก็มีในส่วนของการแก้ปริศนา ซึ่งเกมนี้มีดันเจี้ยนให้แก้ปริศนาเยอะมากๆ มีทั้งสร้างสรรค์ น่าเบื่อ และน่ารำคาญ แต่ส่วนใหญ่น่าเบื่อซะมากกว่า

อย่างไรก็ตามสิ่งซึ่่งทำให้เกมในภาคนี้ยังคงอยู่ในใจของเหล่าแฟนๆ ก็คงจะเป็นในส่วนของเนื้อเรื่อง หากใครชอบเสพเนื้อเรื่องที่เข้มข้นก็จะเหมาะมาก ซึ่งนอกจากเนื้อหาจะยาวมากๆแล้ว ก็ยังมีจุดที่เนื้อหาจะแปรผันไปตามการเล่นที่เราเลือกอีกด้วย

หากใครอยากจะลองสัมผัสเกม JRPG ขึ้นชื่อในยุคเก่าพร้อมด้วยเนื้อเรื่องที่สนุกเข้มข้น และสามารถทำใจเล่น 30 FPS ได้ ก็ลองจัดมาดูครับ

แนะนำว่า หากเล่นจบแล้ว ให้รีบไปหา Anime มาดูต่อเลย มีทั้งหมด 3 Episode จะยิ่งฟินมากขึ้น และจะได้เห็นมุมมอง การดำเนินเรื่องราวที่แตกต่างออกไปจากในเกมด้วย
Tales of Symphonia The Animation: Sylvarant Episode (มี 4 ตอน)
Tales of Symphonia The Animation: Tethe'alla Episode (มี 4 ตอน)
Tales of Symphonia The Animation: The United World Episode (มี 3 ตอน)
โพสต์ 10 มิถุนายน
บทวิจารณ์นี้เป็นประโยชน์หรือไม่? ใช่ ไม่ ขำขัน รางวัล
1 คน พบว่าบทวิจารณ์นี้เป็นประโยชน์
21.3 ชม. ในบันทึก
สนุกกว่าที่คิดเอาไว้นะ สำหรับเกม Fairy Bloom Freesia

ข้อดีสำหรับเกมนี้คงหนีไม่พ้นระบบเกมเพลย์ คอมโบโจมตีที่ถ้าหากคุณเล่นจนชินมือแล้วจะกดมันมือเอามากๆ มีท่าสกิลการโจมตีที่หลากหลายที่คุณสามารถนำมาใช้ผสมผสานการโจมตีในแบบเฉพาะตัวของคุณได้ ด้วยเกมเพลย์ที่ง่ายๆ ไม่ซับซ้อน น่าเสียดายที่ตัวเกมนั้นค่อนข้างจะสั้นเอามากๆ ซึ่งคุณสามารถเล่นเกมนี้จบได้ในระยะเวลาไปเกิน 2 ชั่วโมง ซึ่งมันสั้นมากจริงๆ เล่นจบทั้งๆที่ยังไม่ทันจะอินความรู้สึกเกี่ยวกับตัวละครเลย

แต่แม้เนื้อเรื่องจะสั้นมาก ตัวเกมก็ถูกออกแบบบังคับมาให้เล่นซ้ำหลายๆรอบ เพื่อปลดล็อคโหมดใหม่ ระดับความยากใหม่ โบนัสอื่นๆ และปลดล็อคอาชีพเมนท์ ก็คุ้มค่าคุ้มราคากับราคา 189 บาทแล้วล่ะ
โพสต์ 19 มกราคม 2018
บทวิจารณ์นี้เป็นประโยชน์หรือไม่? ใช่ ไม่ ขำขัน รางวัล
13 คน พบว่าบทวิจารณ์นี้เป็นประโยชน์
168.2 ชม. ในบันทึก (163.0 ชม. ณ เวลาที่เขียนบทวิจารณ์)
ย้อนความทรงจำในวัยเด็ก ในแบบฉบับปรับปรุงใหม่

โดยส่วนตัวแล้วผมไม่ค่อยมีความทรงจำที่ดีนักกับเกม Final Fantasy IX ในสมัยตอนเด็กๆที่ผมเล่นบนเครื่อง PS1 เพราะตอนนั้นหลังจากที่ผมเล่นภาค VIII จบ ก็รีบไปหาภาค IX มาเล่นต่อในทันทีโดยที่ไม่รู้เรื่องรายละเอียดอะไรเกี่ยวกับซีรี่ส์นี้นัก รู้เพียงแต่ว่ามันคือภาคใหม่ และความรู้สึกที่จำได้ก็คือ "เชี่ยยย ลิงง!" พึ่งเล่นภาคพระเอกหล่อๆเท่ห์ๆ จบ จู่ๆมาเจอลิง ทำเอาปรับอารมณ์ไม่ทันเลยทีเดียว ทั้งนี้ยังเจอกับปัญหาส่วนตัวที่เจอแต่แผ่นกาก (แผ่นก๊อป) เล่นแล้วค้างบ่อย ถึงฉาก CG เมื่อไหร่ก็ค้างตลอด ไมได้ดูเลยต้องกดข้ามทุกที ผมจึงไม่สนใจอะไรมากนักในการเล่นครั้งนั้น และมันทำให้ผมไม่มีทรงจำหรือความรู้สึกใดๆเกี่ยวกับตัวเกมในภาคนี้เลย

เวลาผ่านไปมาจนถึงปัจจุบัน ต้องขอขอบคุณ Square-Enix ที่ช่วยนำตัวเกมนี้มาปัดฝุ่นใหม่ และทำให้ผมได้กลับเข้ามาในโลกของไกอานี้อีกครั้ง (โลกของเกมภาคนี้) ซึ่งการนำกลับมาขายใหม่ก็ไม่ใช่พอร์ทมาทั้งดุ้นแบบเพียวๆ แต่ก็ยังได้ปรับปรุงภาพให้คมชัดยิ่งขึ้น , เรนเดอร์ฉาก CG ใหม่ให้มีคุณภาพสูง , ปรับเปลี่ยนอินเทอร์เฟสใหม่ รวมถึงฟีเจอร์ช่วยในการเล่นต่างๆที่ถูกใส่เข้ามา

ตลอดระยะเวลาในการเล่น ผมรู้สึกสัมผัสได้กับความสนุกและความรู้สึกอินไปกับเรื่องราวของเกมที่ผมไม่เคยรู้สึกได้ในการเล่นเมื่อตอนเด็ก แน่นอนว่าตอนนั้นปัญหาเรื่องของภาษาก็เป็นสาเหตุสำคัญ ซึ่งในการเล่นครั้งนี้ทำให้ผมรู้สึกได้จริงๆกับสิ่งที่ผมได้ยินจากคนอื่นๆต่างพูดกันว่าภาคนี้เป็นภาคที่มีความ Fantasy สุดๆแล้วจริงๆ ด้วยเนื้อเรื่องที่เรียบง่ายไม่สับสนวกวน ไม่เหมือนภาคใหม่ๆที่พยายามจะยัดห่าอะไรไม่รู้เข้ามามากมาย

ไม่เพียงแต่เนื้อเรื่องเท่านั้นที่เราสามารถเอนจอยไปกับมันได้ แต่ยังมีในส่วนของความลับต่างๆ มินิเกมอีกมากมายที่จะสร้างสีสันให้คุณได้ใช้เวลาไปกับมันไม่แพ้เนื้อเรื่องหลักเลย ซึ่งเป็นส่วนที่ผมชอบมากๆในเกมภาคนี้ มันให้ความรู้สึกว่าทำไมตัวเกมภาคเก่าๆถึงดูมีอะไรที่มีความคิดสร้างสรรค์มากกว่าเกมในภาคใหม่ๆเสียอีก

สิ่งที่เซง
หากคุณเป็นสายเก็บอาชีพเมนท์ด้วยแล้วล่ะก็ อาจจะต้องมีเซงกันบ้างกับอาชีพเมนท์ฆ่าสัตรู 10,000 ตัว ซึ่งมันใส่มาอีกแล้ว (เหมือนกับภาค VIII) ซึ่งมันเป็นอะไรที่ค่อนข้างทรมานมากในการปั่นจำนวนศัตรูตรงนี้แม้ว่าจะมีตัวช่วยเร่งความเร็วในเกมด้วยแล้วก็ตาม และที่เลวร้ายยิ่งขึ้นก็คือ ต้องทำมันในการเล่นในรอบเดียวเท่านั้นด้วยนะ หากเล่นรอบใหม่ก็ถือว่าเริ่มนับ 1 ใหม่ (สมมติหากรอบแรกคุณฆ่าไป 1,000 ตัว เมื่อเล่นรอบใหม่ ก็ต้องฆ่าให้ได้ 1 พันตัวก่อน อาชีพเมนท์ถึงจะเริ่มนับต่อที่ 1,001) แต่ก็โชคยังดีที่ในเกมยังพอที่ที่สามารถจะฟาร์มได้อยู่

ระวังขณะที่คุณปั่นฆ่าศัตรูเพื่อเก็บอาชีพเมนท์ดังกล่าว เมื่อปั่นไปหลายๆชม. คุณอาจจะพบว่าเกมเกิดอาการจอดำในช่วงโหลดเข้าฉากต่อสู้ และทำอะไรไม่ได้เลยนอกจากต้องปิดไป ดังนั้นทำการเซฟบ่อยๆ อย่าหวังพึ่ง Auto-Save เพราะมันไม่ได้ช่วยเซฟหลังจากสู้เสร็จมิเช่นนั้นคุณจะต้องน้ำตาตกกับเวลาที่เสียไป

สิ่งที่ชอบ
การ์เน็ต องค์หญิงแห่งนครอเล็กซานเดรีย นางเอกที่ถูกลืม เธอนั้นอยู่น่ารักมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว แต่กลับมีแฟนคลับน้อยมาก
พอเล่นจบเกมแล้ว หน้าจอไตเติลจะมีเมนูเล่นมินิเกมไพ่แบล็คแจ็คมาให้กดเล่นได้โดยตรงเลย และก็เมนู Movie Gallery ไว้สำหรับดูมูฟวี่ CG ย้อนหลัง ชอบมากก
โพสต์ 1 มกราคม 2018
บทวิจารณ์นี้เป็นประโยชน์หรือไม่? ใช่ ไม่ ขำขัน รางวัล
9 คน พบว่าบทวิจารณ์นี้เป็นประโยชน์
884.9 ชม. ในบันทึก (55.2 ชม. ณ เวลาที่เขียนบทวิจารณ์)
เกมสำหรับคนรัก Chibi

จุดเริ่มต้นของการที่ผู้เล่นจะรู้สึกสนใจในเกมๆนี้ ประเด็นแรกคงหนีไม่พ้นที่ผู้เล่นคนนั้นต้องเป็นคนรักอนิเมะ และแน่นอนหากคุณกำลังหาเกมสักเกมนึง ที่สามารถให้คุณสร้างตัวละครน่ารักๆขึ้นมา แล้วสามารถหาชุดสวมใส่น่ารักๆมาอวดเล่นกับคนอื่นได้ล่ะก็ เกมนี้คือคำตอบ


ด้วยรูปแบบเกมที่เล่นง่าย สนุก ตัวละครสไตล์ Chibi และรองรับการเล่นพร้อมกันหลายคน คือจุดเด่นที่ถูกออกแบบมาสำหรับคออนิเมะโดยเฉพาะ และที่สำคัญ ปกติแล้วเรามักจะหาเกมแนวอนิเมะไม่ได้ง่ายๆบน PC (แต่ปัจจุบันนั้นเยอะขึ้นเรื่อยๆ) ตลอดการเล่น คุณจะรู้สึกสนุกกับการผสมของจากวัตถุดิบที่ได้มาจากการทำเควสเพื่อให้ได้ของสวมใส่ใหม่ๆมา หรือการอัพเกรดอาวุธเพื่อให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นในแบบของตนเอง การเล่นคนเดียวอาจเป็นสิ่งที่หลายๆคนถนัด แต่เกมๆนี้ได้มีระบบล็อบบี้เมืองที่เป็นศูนย์รวมไว้รองรับผู้เล่นพร้อมกันได้ถึง 32 คน ทำให้ตัวเกมไม่เพียงแต่จะมีเพียงแค่ ทำเควส ซื้อของ อัพเกรด เท่านั้น แต่กลายเป็นกลุ่มโซเชียลเล็กๆที่ทำให้คุณสามารถไปจอยร่วมกับคนอื่นๆ พูดคุย ขอให้มาช่วยทำเควสได้


ดูผิวเผินอาจจะดูเหมือนกับเกมเฉพาะกลุ่มก็จริง ทำให้บางคนอาจจะสงสัยว่าเกมออกมาสักพักใหญ่แล้ว จะยังมีคนเล่นออนไลน์กันอยู่อีกรึเปล่า ก็ต้องขอบอกไว้เลยว่า คอมมิวนิตี้ในเกมนี้ ยังไม่ตายนะครับ แม้ว่าจะเหลือน้อยก็ตาม และบางช่วงเมื่อออนไลน์อาจจะไม่เจอคนเลยก็ตาม แต่หากใครที่ได้ออนไลน์บ่อยๆ ก็จะพบกับกลุ่มคนชื่อเดิมๆ ซึ่งกลุ่มคนนี้ก็คือกลุ่มคนที่มีใจรักในเกมนี้ รักตัวละคร Chibi และใช้ล็อบบี้ของเกมนี้เป็นสังคมในการพูดคุย ถ่ายรูป และพร้อมให้ความช่วยเหลือผู้เล่นหน้าใหม่ๆในการทำเควสหรือให้คำแนะนำหากผู้เล่นคนนั้นต้องการ ซึ่งหากคุณจะลองสังเกตดูประวัติโปรไฟล์ของผู้เล่นกลุ่มดังกล่าว จะพบชั่วโมงการเล่นที่สูงเอามากๆไม่ใช่แค่ร้อยต้นๆ แต่เป็น 4-5 ร้อยชั่วโมง หรือเป็นพันชั่วโมง! ซึ่งนั่นเป็นเพราะพวกเขาใช้เกมๆนี้เป็นศูนย์กลางในการพบปะผู้เล่นด้วยกันไปแล้ว ซึ่งด้วยสิ่งที่ผมบอกไปนั้นเอง หากทีมนักพัฒนามองเห็นหรือใส่ใจในจุดนี้ ทำให้เกมๆนี้เป็นสังคมที่ใหญ่ขึ้นด้วยการทำให้มันน่าดึงดูดมากขึ้น ยกตัวอย่างเช่น เพิ่มล็อบบี้ใหม่ให้เป็นเมืองที่ใหญ่ขึ้น จัดเป็นโซนๆ มีพื้นที่สำหรับนั่งพูดคุยโดยเฉพาะ, พื้นที่เวทีแสดงออก จัดอีเวนท์ตามเทศกาล หรืออาจจะมีพื้นที่สำหรับนั่งดื่ม นั่งเฉยๆโดยเฉพาะอย่างเช่น ผับ บาร์ เป็นต้น และอย่างที่ผมได้บอกไปตั้งแต่ข้างต้น เกมๆนี้คือสังคมที่คุณจะได้พบกับคนรักอนิเมะที่มาจากผู้คนทั่วทุกมุมโลกทั้งจากในเอเชีย , ยุโรป หรือที่อเมริกา เป็นที่ๆคุณจะสามารถพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในสิ่งที่คุณชื่นชอบเหมือนๆกันได้อย่างไม่ต้องเคอะเขิน



สิ่งสำคัญซึ่งเป็นปัญหาของเกมๆนี้คือ การขาดแคลนเนื้อหาใหม่ ที่ทำให้ผู้เล่นทั่วๆไปนั้นเมื่อเล่นเควสจนครบแล้ว ก็จะโบกมือลาให้กับเกมนี้ไป เหลือไว้แต่ผู้ที่มีใจรักใน Chibi เท่านั้น ซึ่งผมก็ไม่แน่ใจว่ากลุ่มคนกลุ่มนี้จะยังคงอยู่อีกนานเท่าใด หากตัวเกมยังคงขาดแคลนการอัพเดตสิ่งใหม่ๆลงไป เพราะแม้แต่เควสใหม่ ก็ยังไม่มีเพิ่มเติมให้เลย
โพสต์ 21 ตุลาคม 2016 แก้ไขล่าสุด 21 ตุลาคม 2016
บทวิจารณ์นี้เป็นประโยชน์หรือไม่? ใช่ ไม่ ขำขัน รางวัล
3 คน พบว่าบทวิจารณ์นี้เป็นประโยชน์
225.4 ชม. ในบันทึก (134.3 ชม. ณ เวลาที่เขียนบทวิจารณ์)
อันที่จริงเกมเกมนี้มันไม่มีเหตุผลในการที่จะต้องมารีวิวด้วยซ้ำ และมันไม่มีเหตุผลอะไรที่คุณจะต้องชั่งใจเลยว่าจะซื้อมาเล่นดีรึเปล่าหากคุณคือคอเกม RPG พันธุ์แท้ฉบับดั้งเดิม ในสมัยก่อนความหวังที่โอกาสจะได้เห็นตัวเกมภาคนี้ได้มาโลดแล่นบน PC มันเป็นความคิดที่เพ้อฝันและไร้สาระ แต่ ณ ปัจจุบัน มันได้เกิดขึ้นแล้ว แม้ว่ามันจะเป็นเวลาที่แสนเนิ่นนานหากนับจากที่ตัวเกมภาค X วางจำหน่ายครั้งแรกในปี 2001 ซึ่งมันก็ผ่านมาเป็นเวลา 15 ปีเข้าให้แล้ว

แม้ยุคนี้ว่ากันว่า เป็นยุคแห่งการ Remaster ก็คงจะไม่ผิดนัก และถึงจะเป็นเช่นนั้นแฟนๆอย่างเราๆ ก็ยินดีเสมอที่จะยอมจ่ายเงินให้กับสิ่งที่รอคอยหรือสิ่งที่ทำให้ตัวเองได้กลับเข้าไปสัมผัสอีกครั้งในแบบฉบับปรับปรุงใหม่ และสำหรับเกม FINAL FANTASY X/X-2 HD Remaster นี้ เราก็คงไม่ต้องอธิบายอะไรเพิ่มแล้วล่ะ ภาพระดับ HD , FMV ที่ถูกเรนเดอร์ขึ้นใหม่คุณภาพคมชัด คุณจะได้สัมผัสความสวยน่ารักของ ยูน่า ที่คุณหลงไหลมาตลอดนับสิบปีอย่างเต็มอิ่มทุกฉาก แค่ชื่อ ยูน่า ก็เพียงพอแล้วที่คุณจะต้องเสียเงิน แถมราคาเต็มเพียง 559 บาท ที่ได้มาถึง 2 เกม คุ้มเสียยิ่งกว่าคุ้ม

สำหรับเด็กรุ่นใหม่ๆที่อาจจะยังไม่เคยรู้จักหรือสัมผัสมาก่อน นี่ถือเป็นโอกาสทองของคุณที่จะได้เล่นตัวเกมซีรี่ส์ Final Fantasy ภาคที่ได้ชื่อว่ามีความเป็น Final Fantasy ภาคสุดท้ายแล้วล่ะ

ปล. บทความด้านบนพูดถึงแต่เฉพาะภาค X เท่านั้นนะ ไม่นับภาค X-2
โพสต์ 20 กรกฎาคม 2016
บทวิจารณ์นี้เป็นประโยชน์หรือไม่? ใช่ ไม่ ขำขัน รางวัล
8 คน พบว่าบทวิจารณ์นี้เป็นประโยชน์
71.6 ชม. ในบันทึก (63.9 ชม. ณ เวลาที่เขียนบทวิจารณ์)
ความสนุกที่ยังคงเดิม แม้ว่าจะผ่านไปกว่า 15 ปีแล้ว...

ผมยังจำได้ดีถึงสมัยก่อนที่เกม Grandia II เป็นเกม JRPG เกมแรกๆที่ผมเคยได้เล่นและเล่นจบ แม้รายละเอียดของเกมซึ่งหากเทียบกับเกมปัจจุบันนั้นจะเทียบกันไม่ติด แต่ความสนุกแบบเรียบง่ายของเกมนี้ ไม่ซับซ้อนจนเกินไป ก็เป็นสิ่งที่ผมคงไม่ได้พบเจออีกแล้วในเกมปัจจุบันที่เยอะจนน่าปวดหัว สิ่งหนึ่งที่ไม่พูดถึงไม่ได้สำหรับเกมซีรี่ส์นี้ก็คือระบบการต่อสู้ซึ่งใช้ระบบ Real-Time กึ่ง Active Time Battle ที่ผสมผสานกันได้อย่างลงตัว ทำให้การต่อสู้นั้นดูน่าตื่นเต้นและไม่จืดชืด ซึ่งเป็นจุดเด่นของตัวเกมในซีรี่ส์นี้เลย และอีกสิ่งหนึ่งที่เยี่ยมยอดไม่แพ้กันก็คือ เพลงประกอบอันแสนไพเราะ ที่ยังคงติดหูผมอยู่มาจนถึงทุกวันนี้

ผมสนุกกับการดูเนื้อเรื่อง ซึ่งสมัยเด็กๆก็คือดูจริงๆ กดๆอย่างเดียว เพราะยังแปลไม่ออก ไม่รู้เรื่อง แต่ ณ ตอนนี้การกลับมาอีกครั้งของเกมนี้ ทำให้ผมได้มีโอกาสนั่งอ่านเนื้อเรื่องบทสนทนาที่ทำให้ผมนั้นรู้สึกอินไปกับเกมมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม รู้จักตัวละครมากขึ้น เข้าใจเนื้อหาในเกมมากขึ้น และยิ่งทำให้ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมตัวเกม Grandia II ยังคงอยู่ในใจเหล่าคอเกมแนว JRPG อยู่ตลอดเสมอมา

บางทีในขณะที่เกมสมัยใหม่นั้น พยายามจะสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ยัดนู่นยัดนี้มาให้เยอะแยะมากมาย แต่ในขณะเดียวกันบางครั้งเราก็รู้สึกว่า เราก็ไม่ได้ต้องการอะไรมากมายขนาดนั้น กลับกัน เรากลับโหยหาในสิ่งที่ทำให้เราได้สนุกอีกครั้งแบบเดียวกันกับในอดีต และดูเหมือนว่าการย้อนกลับไปเล่นเกมเก่าๆจะเป็นคำตอบสุดท้ายจริงๆ ขอบคุณ GungHo ที่นำเกมนี้กลับมาปัดฝุ่นวางจำหน่ายอีกครั้ง


เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย
- สมัยก่อน Grandia II ที่เคยวางจำหน่ายบนเครื่อง PC นำเข้ามายังประเทศไทยโดยบริษัท NewEra ซึ่งขณะนั้นเกม PC ยังมีจำหน่ายในรูปแบบกล่องอยู่มากมาย และรายละเอียดปกหลังของกล่องก็มีแปลเป็นภาษาไทย รวมถึงมีคู่มือเบื้องต้นของเกมที่แปลเป็นภาษาไทยด้วย

- สำหรับตัวเกม Grandia II Anniversary Edition นี้ เป็นการนำเอาตัวเกมเวอร์ชั่น DreamCast มาพอร์ทและปรับปรุงใหม่ ไม่ได้นำเอาตัวเกมเวอร์ชั่น PC ก่อนหน้านี้มาทำ



โพสต์ 29 พฤษภาคม 2016
บทวิจารณ์นี้เป็นประโยชน์หรือไม่? ใช่ ไม่ ขำขัน รางวัล
22 คน พบว่าบทวิจารณ์นี้เป็นประโยชน์
1 คน พบว่าบทวิจารณ์นี้ชวนขำขัน
19.4 ชม. ในบันทึก
เรามาเปรียบเทียบกันระหว่างตัวเกม Resident Evil 0 HD Remaster กับ Resident Evil HD Remaster กันดีกว่า

ทำไมต้องเอา 2 เกมนี้มาเปรียบเทียบกัน?
= ตัวเกมในภาค 0 นั้นได้ถูกยกเครื่องพัฒนาใหม่หมด ตามหลังตัวเกม Resident Evil ภาครีเมคในช่วงนั้นในระยะเวลาไม่นาน โดยใช้ระบบเดียวกัน เช่นเดียวกับที่เวอร์ชั่น Remaster นี้ถูกนำมาขัดเกลาใหม่ตามหลังกันมา จึงเหมาะมากที่จะนำมาระบุข้อแตกต่างระหว่างกัน อีกอย่าง การรีวิวตัวเกมเวอร์ชั่น Remaster นี้ แล้วมีข้อติว่า "ระบบเกมมันเก่า" ดูจะไม่ค่อยยุติธรรมนักกับเกมเมื่อสมัยเกือบ 14 ปีที่แล้ว


ความสเถียรของเกม
= ทั้ง 2 เกม พอร์ทมาสู่เวอร์ชั่น PC ได้ดีและไม่มีปัญหา


กราฟิค
= กราฟิคที่ถูกขัดเกลาขึ้นมาใหม่นั้นชัดเจนในแบบ HD และเพิ่มการแสดงผลอัตราส่วนภาพ 16:9 ทำให้ทั้ง 2 เกมนั้นมีกราฟิคที่ดูดีและไม่ตกยุคลงไปเลย


ระบบของเกม
= เกมเพลย์ของทั้ง 2 เกมนั้นเหมือนกัน แต่ภาค 0 นั้นหลากหลายกว่าตรงที่สามารถสลับตัวละครไปมาระหว่างกันได้ และต้องช่วยกันแก้ปริศนา ซึ่งรูปแบบการแก้ปริศนาอาจแตกต่างกันตรงตัวละครที่เราบังคับ แต่ความยากง่ายของปริศนาระหว่างทั้ง 2 เกมนั้นก็ไม่ต่างกันและมีพอๆกัน


สภาพแวดล้อมในเกม
= ตัวเกมในภาค 0 จะมีสถานที่ทั้งบนฉากรถไฟ , ในคฤหาสน์ , ในโบสถ์ , ศูนย์วิจัยใต้ดิน ส่วนภาคแรก ก็มีทั้งฉาก คฤหาสน์ , ในป่า , สุสาน , ถ้ำอุโมงค์ และศูนย์วิจัย โดยรวมแล้วหลากหลายพอๆกันทั้ง 2 เกม


คุณค่าในการเล่นซ้ำ
= เราสามารถเล่นตัวเกมภาค 0 โดยที่รอบแรกนั้นเน้นบังคับไปที่ตัวละครหนึ่งเป็นหลัก ส่วนอีกรอบหนึ่งก็บังคับอีกตัวละครหนึ่งแก้ปริศนาเป็นหลัก ทำให้เราเห็นคัทซีนและรูปแบบการแก้ปริศนาที่แตกต่างกัน ส่วนในภาคแรกนั้น มีตัวละคร 2 คนให้เลือกเล่น เมื่อเล่นจบไปรอบนึงแล้ว ก็สามารถเล่นอีกตัวละครหนึ่งได้ เพราะทั้ง 2 ตัวละครนั้นนอกจากจะมีความแตกต่างกันในเรื่องของปริศนาแล้ว ยังรวมถึงเนื้อเรื่องด้วย อีกทั้งยังมีเงื่อนไขที่จะนำไปสู่ฉากจบในหลายๆแบบ ทว่า หากนับเป็นโบนัสหลังเกมที่ทำให้มีอะไรต้องเล่นมากกว่าไปเล่นเนื้อเรื่องซ้ำอีก ก็ต้องเป็นภาค 0 ที่มีโหมดการเล่นใหม่ขึ้นมาให้เล่น เพื่อเก็บอาวุธพิเศษ และนำไปใช้เล่นในเนื้อเรื่องได้


ของโบนัสสำหรับเวอร์ชั่น Remaster
= ตัวเกมในภาคแรก น่าเศร้าที่ไม่มีอะไรใหม่เลยนอกจากคอสตูมโมเด็ลตัวละครหลักทั้ง 2 ตัวจากภาค 5 ขณะที่ของภาค 0 นั้น จัดเต็มมากโดยเฉพาะชุดคอสตูมของ รีเบคก้า ที่มีมากถึง 7 คอสตูม และเสื้อทีเชิ้ตอีก 9 ตัว! ยังไม่พอยังมีโหมดใหม่เพิ่มมาให้อีกตังหาก ซึ่งเป็นโหมดที่เปลี่ยนตัวละคร บิลลี่ เป็น เวสเกอร์ และสามารถใช้พลังเหนือมนุษย์ของเวสเกอร์ได้ อย่างไรก็ตาม แม้จะดูน่าตื่นเต้น แต่จริงๆโหมดใหม่นี้ก็ค่อนข้างกิ๊กก๊อก ก็เพราะตัว เวสเกอร์ เองนั่นแหละ ตัวเวสเกอร์มีความสามารถในการวิ่งเร็ว ซึ่งตามหลักแล้วเวลาเวสเกอร์วิ่งเร็วขนาดนี้ น่าจะวิ่งพุ่งชนซอมบี้ตายเกลื่อนซะมากกว่า แต่กลับกลายเป็นเวสเกอร์โดนซอมบี้จับกัดได้เฉย!? ส่วนพลังจิตที่ใช้โจมตีศัตรูก็ช้าเหลือเกิน สรุปเล่นแบบปกติยังจะง่ายกว่า ถือว่าเป็นสีสันละกัน



สรุป
ตัวเกมเวอร์ชั่น Remaster ทั้ง 2 ภาคนี้ เหมาะสำหรับแฟนๆ Resident Evil ที่เคยเล่นเวอร์ชั่นเดิมมาก่อนหน้านี้แน่นอน หรือคุณยังจะต้องการอะไรอีกล่ะ? ถ้าจะให้เทียบก็คล้ายๆกับการที่คุณยอมจ่ายเงินซื้อของที่ระลึกมา เพื่อที่จะระลึกถึงมันได้ทุกครั้งที่คุณต้องการในแบบที่สดใหม่อยู่เสมอไงล่ะ
โพสต์ 12 มีนาคม 2016 แก้ไขล่าสุด 12 มีนาคม 2016
บทวิจารณ์นี้เป็นประโยชน์หรือไม่? ใช่ ไม่ ขำขัน รางวัล
7 คน พบว่าบทวิจารณ์นี้เป็นประโยชน์
1 คน พบว่าบทวิจารณ์นี้ชวนขำขัน
30.2 ชม. ในบันทึก
ประทับใจในทุกๆเรื่องใน Lego Jurassic World เสียดายที่มันเป็นเพียงแค่เกม LEGO...

โดยส่วนตัวนั้นไม่เคยได้สัมผัสเกมในซีรี่ส์ LEGO มาก่อนเลย ไม่ว่าจะตัวเกมไหนๆบนเครื่องใดก็ตาม แต่เนื่องจากโดยส่วนตัวที่มีใจรักไดโนเสาร์ และชื่นชอบในตัวภาพยนตร์ชุดนี้เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว จึงทำให้ไม่รู้สึกลังเลใจใดๆเลยที่จะซื้อเกมนี้มาเล่น ซึ่งตลอดระยะเวลาในการเล่นตั้งแต่เริ่มนั้น จริงอยู่แม้ว่ามันจะดูเหมือนเป็นเกมสำหรับเด็กเล่น แต่ผมกับรู้สึกถูกใจกับระบบต่างๆในเกมนี้อย่างมาก

- สามารถที่จะเริ่มเล่นเนื้อเรื่องบท Jurassic Park ก่อน หรือจะข้ามไปยังบท Jurassic World เลยก็ได้

- ตัวเกมมอบ ความอิสระ ให้กับผู้เล่นได้อย่างเต็มที่ สามารถสลับบังคับตัวละครไปมาได้ตามต้องการ

- สามารถเล่นได้ 2 คน รองรับทั้งจอยคอนโทรลเลอร์ และ คีย์บอร์ด เต็มรูปแบบ กดเข้า-ออกได้ตลอดเวลา แถมยังมีอิสระแยกกันสำรวจพื้นที่ได้อย่างตัวใครตัวมัน ซึ่งบางครั้งเราอาจจะยังเจอรูปแบบการเล่นแบบคู่ขนานที่ผู้เล่นอีกคนหนึ่งอยู่อีกที่หนึ่ง แต่อีกคนหนึ่งก็เล่นอีกฝั่งหนึ่งไปพร้อมๆกัน

- เล่นง่าย ไม่มีเกมโอเวอร์ ตัวเกมเน้นไปที่การเล่นแบบแก้ปริศนา ผสมผสานกับผจญภัยแอ็คชั่นพอประมาณ

- มีของไอเท็มลับ และตัวละคร ที่คอยให้เก็บและปลดล็อคอยู่เพียบ

- สามารถกดเล่นเนื้อเรื่องและ Free Play ซ้ำใหม่ได้เรื่อยๆ ในกรณีที่ต้องการย้อนกลับไปเก็บไอเท็มที่พลาดไป

- สามารถเล่นเป็นไดโนเสาร์ได้ ซึ่งไดโนเสาร์ก็ไม่ใช่เอามาเดินเล่นเพียงอย่างเดียว แต่ยังเป็นส่วนสำคัญในการเก็บไอเท็มบางชนิดอีกด้วย ที่สำคัญเรายังสามารถสร้างไดโนเสาร์ผสมข้ามสายพันธุ์ได้ด้วย ทำให้ได้ไดโนเสาร์ที่มีความสามารถที่หลากหลาย

- มุขตลกปกฮา ล้อเลียนในหนัง สร้างความประทับใจได้ดีจริงๆ เหมาะมากสำหรับแฟนๆหนังชุดนี้

- มีบัค ซึ่งอาจพบได้ระหว่างการเล่น บางทีเล่นๆไปแล้วเกมไม่ยอมเซฟ เล่นๆปลดของแล้ว ปรากฏว่าต้องกลับมาปลดใหม่ , ตัวละครหลุดออกจากฉาก หรือร้ายแรงถึงขนาดจู่ๆเกมระเบิดตัวเอง
โพสต์ 24 มกราคม 2016 แก้ไขล่าสุด 24 มกราคม 2016
บทวิจารณ์นี้เป็นประโยชน์หรือไม่? ใช่ ไม่ ขำขัน รางวัล
4 คน พบว่าบทวิจารณ์นี้เป็นประโยชน์
7 คน พบว่าบทวิจารณ์นี้ชวนขำขัน
88.7 ชม. ในบันทึก (83.5 ชม. ณ เวลาที่เขียนบทวิจารณ์)
จากประสบการณ์และความรู้สึกที่ได้เล่นเกม Final Fantasy Type-0 ตั้งแต่ต้นจนจบ

- ตัวเกมให้ความรู้สึกที่คุ้นเคย ได้กลิ่นอายของตัวเกม Final Fantasy ภาคเก่าๆ อย่างครบถ้วน ที่ถูกใจมากคือ ระบบ World Map และเรือเหาะที่กลับมาอีกครั้ง
- โลกในเกมมีเมืองอยู่หลายเมือง แต่บรรดาเมืองเหล่านั้น หากอยู่ในทวีปเดียวกัน ก็จะมีสถาปัตยกรรม รูปแบบของเมืองแบบเดียวกันหมด จึงแทบไม่มีจุดเด่นของแต่ละเมือง ดูผิวเผินก็ไม่ต่างอะไรกับเมืองเดียวกัน เมืองเล็ก ไม่มีอะไรให้สำรวจ เสียงดนตรีก็เหมือนกันหมด
- ระบบการต่อสู้ เล่นสนุก และเล่นเข้าถึงได้ง่าย มิชชั่นที่มีให้ทำในเกมก็มีความหลากหลาย แถมเราจะได้ทำสงครามกันใน World Map กันเลย!
- มีตัวละครให้เล่นมากมาย และแต่ละตัวก็มีบุคลิก จุดเด่น สไตล์การต่อสู้และสกิลที่เป็นของตัวเอง
- รูปแบบเนื้อเรื่องเกี่ยวกับสงคราม ส่วนคนที่ไม่เข้าใจหรือไม่มีความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับเรื่อง Fabula Nova Crystallis มาก่อน อาจจะยิ่งยากที่จะเข้าถึงเนื้อเรื่องของเกมนี้ได้อย่างถ่องแท้
- ตัวละครหลักคือนักเรียน และมีโรงเรียน ทำให้ผมนึกถึงเกม Final Fantasy VIII ที่ในโลกจะมี 'การ์เดน' เป็นโรงเรียนฝึกทหารเหมือนกัน ทำให้คิดว่าหากตัวเกม Final Fantasy VIII ออกมาในปัจจุบัน ก็อาจจะมีลักษณะระบบการเล่นที่คล้ายคลึงกันก็ได้ ซึ่งถ้าหากสมมุติเปรียบเทียบโลกของทั้ง 2 เกมล่ะก็ Final Fantasy VIII ที่ดูเหมือนมีเนื้อเรื่องไม่ลุ้มลึกเท่า แต่โลกในเกมยังดูน่าสนใจกว่าเสียอีก (อันนี้เพราะความชอบส่วนตัว แค่เทียบโรงเรียนของทั้ง 2 เกม บาแลมบ์การ์เดน นี่ชนะขาดเลย)

- การพอร์ทเกม หากเทียบกับตัวเกมภาค FFXIII กับ FFXIII-2 ก็ถือว่าพอร์ทมาดีกว่ามากล่ะนะ
- ผมชอบบังคับตัวละครหญิง เพื่อกระโดดและมองดูกางเกงในว่าคนไหนใส่สีอะไร และกางเกงในนั้นก็บ่งบอกและตรงกับบุคลิกของพวกเธอแต่ละคนได้เป็นอย่างดี
- หลายคนชื่นชอบ และยกย่องให้ตัวเกมภาคนี้เป็นหนึ่งในภาคที่ดีที่สุด เหตุผลก็เพราะมันมีสิ่งที่ขาดหายไปได้กลับคืนมา สิ่งที่อยากจะเห็นอยากจะให้มี มันก็มีในภาคนี้ ขณะที่ภาคหลักมันดันไม่มี อย่างไรก็ตามโดยส่วนตัวแล้วน่าเสียดายที่รู้สึกว่ามันดีไม่สุด ดีครึ่งๆกลางๆ ชอบอยู่อย่างเดียวคือระบบการต่อสู้ เสียงดนตรีไพเราะดี การดำเนินเนื้อเรื่องที่ งง และผมเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่ามีจำนวนไม่น้อยที่กระทั่งเล่นจบ ดูฉากจบแล้ว ก็ยังมีเครื่องหมายคำถามอยู่ในหัวเต็มไปหมด แน่นอนว่าฉากจบนั้นประทับใจมีอารมณ์ร่วมแน่นอน แหงล่ะ จะไม่มีได้ยังไง ร้องไห้ตายหมู่ขนาดนั้น
โพสต์ 18 พฤศจิกายน 2015 แก้ไขล่าสุด 18 พฤศจิกายน 2015
บทวิจารณ์นี้เป็นประโยชน์หรือไม่? ใช่ ไม่ ขำขัน รางวัล
2 คน พบว่าบทวิจารณ์นี้เป็นประโยชน์
92.8 ชม. ในบันทึก (48.5 ชม. ณ เวลาที่เขียนบทวิจารณ์)
นี่ไม่ใช่รีวิว แต่เป็นความรู้สึกตลอดระยะเวลาที่เล่นล้วนๆ

- ปวดใจกับใบหน้าอันแสนอุบาทของแคลร์ เฮงซวย capcom ที่ยังคงชอบชำแหละทำลายใบหน้าตัวละครหลักของตัวเองอยู่เสมอ แต่ยังดีที่หนูมอยร่า น่ารัก + นิสัยหยาบคายเล็กน้อย ปากเสีย น่าร้ากกก น่ารั้ก

- แม้ว่าใบหน้าของแคลร์จะอุบาท แต่หุ่นกับก้นของเธอนั้นสวยงามมาก ของมอยร่าก็เช่นเดียวกัน ดูเพลินกว่าก้นของจิลใน Revelation ภาคแรกเสียอีก

- กราฟิคของเกมถือว่าโอเค ก็ไม่ถึงกับตกยุคอะไร แต่หากมองถึงตัวเกมที่ออกมาในเจนปัจจุบันก็ควรจะสวยกว่านี้ แต่ถ้าคิดว่าตัวเกมนั้นไม่ใช่ภาคหลัก ใช้ทุนไม่หนา ก็ยังพอให้อภัยกันได้

- ยิงหัว หัวไม่ระเบิด รู้สึกไม่สะใจเอาซะเลย แม้จะมีอนิเมทก้อนเนื้อกระเด็นออกมาให้เห็นก็ตาม แต่หัวยังอยู่

- แม้การเล่นแบบคนเดียว สลับไปมาระหว่างตัวละครจะสนุก แต่เราก็อยากเล่นเนื้อเรื่อง Campaign พร้อมกันกับเพื่อนด้วย ขอบคุณ Capcom ที่ยังคงเมตตาชาว PC

- Medal , Record ที่มีให้ทำในเกมมีคุณค่า เพราะถ้าทำได้ ก็จะได้ BP หรือปลดล็อคไฟล์ ฟิกเกอร์ต่างๆ แถมยังเป็นเงื่อนไขในการปลดล็อคอาชีพเมนท์ ไม่ไร้ค่าเหมือนภาค 6

- ฉาก CG สวยงามมาก

- การตลาดแบบปล่อยตัวเกมออกมาแบ่งเป็นตอนๆ แยกขายของ Capcom ถือว่าประสบความสำเร็จในการทำให้ผู้เล่นนั้นต้องดิ้นอยากจะเล่นตอนต่อไป เพราะอยากจะรู้เนื้อเรื่องเร็วๆ แต่ในฐานะคนเล่นแล้วมันไม่น่าปลื้มเอาเสียเลยที่จะต้องรอเป็นอาทิตย์เพื่อจะได้เล่นเนื้อเรื่องต่อ

- การดำเนินเนื้อเรื่อง โดยส่วนตัวแล้ว เคยยกให้ภาค Code Veronica เป็นภาคที่มีเนื้อเรื่องเข้มข้นและดีที่สุด มาเจอภาคนี้เข้าไป ก็ต้องขอบอกว่า ยอดเยี่ยมเกินคาด ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนมีเหตุผล หลายประเด็นที่ถูกตั้งขึ้นมาจากการเล่นใน Episode แรกๆ ก็ค่อยๆเผยออกมาหลังจากเล่นไปเรื่อยๆ แถมยังมีจุดพลิกผัน พลิกไปมา ชนิดเดาแทบไม่ถูก และผมเชื่อเป็นอย่างยิ่งเลยว่า แฟนๆได้พบกับสิ่งที่ขาดหายไปนานของซีรี่ส์จากตัวเกมในภาคนี้แล้ว ให้ตายเหอะ ผมอยากให้ Capcom ทำหนัง CG เนื้อเรื่องสไตล์ของเกมภาคนี้ออกมาจริงๆพับแผ่

- อดคิดไม่ได้ว่า ทำไมถึงไม่ทำออกมาให้มากกว่านี้ น่าจะมีสัก 6 Episode ก็น่าจะได้

- ระบบจ่ายเงินซื้ออาวุธในเกมสำหรับใน Raid Mode ไม่มีผลใดๆต่อการเล่นเนื้อเรื่อง และไม่ส่งผลให้สมดุลของเกมเสียไป

- Raid Mode มีการเปลี่ยนแปลงจากภาคที่แล้วอยู่หลายจุด มีภารกิจหลัก ภารกิจประจำวัน มีเงื่อนไขประกอบ ทำให้รู้สึกไม่น่าเบื่อจำเจเหมือนของภาคแรก
โพสต์ 23 มีนาคม 2015
บทวิจารณ์นี้เป็นประโยชน์หรือไม่? ใช่ ไม่ ขำขัน รางวัล
< 1  2 >
กำลังแสดง 1-10 จาก 16 รายการ