Recent reviews by Nostalgias

Trials of Mana(2020) เป็นเกม Action (J)RPG ที่พยายามจะคงรูปแบบเดิมๆเสมือนกับที่มันเคยออกมาเมื่อ 25 ปีที่แล้ว โดยไม่ใช่แค่การเปลี่ยนผ่านจาก 2D -> 3D แต่ยังเพิ่มเติมหลายๆสิ่งที่ทำให้เหมือนเป็นการ Remake ที่ตั้งใจทำ ... แต่ยังทุ่มเทไม่มากพอเหมือนที่จั่วไว้ ปัญหาน่าจะเป็นเรื่องงบประมาณ เกมนี้ไม่ได้พัฒนาโดยทีมหลักของ Square Enix คอนเทนต์บางอย่างถูกตัดออกไปอย่างการเล่นหลายคน และการพัฒนาที่ไปไม่สุดเพราะมันไม่ใช่โปรเจคใหญ่อะไร ไม่มีแผนการอัพเดทคอนเทนต์ใดๆ ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเสียดาย เพราะตัวเกมมีศักยภาพที่ดี รวมถึงบางอย่างที่ดูจะทำลวกๆไปหน่อยอย่างโหมด New Game + ที่ไม่มีความสมดุลแบบสุดๆ ส่วนตัวคิดว่าความสนุกน้อยกว่าเล่นรอบแรกเสียอีกเพราะเราเก่งเกินไป (จนต้องลดเวลตัวเองลงมา เกมจะได้ท้าทายขึ้นมาบ้าง) และฉากคัทซีนที่ดูทุนต่ำอย่างเห็นได้ชัด การปฎิสัมพันธ์ของตัวละครต่อสิ่งต่างๆเป็นไปได้แย่มาก (เนื่องจากมี 6 ตัวละคร การจะใส่อะไรแบบนั้นให้ครบทุกตัวละครแบบดีๆ อาจจะเยอะเกินไปสำหรับสภาพทีมสร้าง)

โดยรวมตัวเกมก็เป็นเกมที่เล่นได้เพลินๆ มีคุณค่าในการกลับมาเล่นซ้ำสูง เพราะเล่นได้หลายรอบ (มี 6 ตัวละคร 4 คลาสแต่ละคลาสก็มี 2 สายคือแสงและมืด และมีหลายเนื้อเรื่องขึ้นอยู่กับตัวละครหลักที่เราเล่น) จัดทีมได้หลากหลาย และเกมเพลย์ค่อนข้างสนุก(แม้จะทื่อๆไปหน่อย) แต่อย่าคาดหวังต่อเนื้อเรื่องหรือคุณภาพตัวเกมมากเกินไป

God!, Please stop me from keep pushing the "New Run" button.

I mean it.

เมื่อถึงคราวที่สวรรค์ดับเพลิงแห่งนรกได้สำเร็จ

แต่ความหวังยังไม่สูญสิ้น การปะทุเพียงครั้งเดียวจุดไฟแห่งการปฏิวัติขึ้น

"Boneshaker" รถไฟขบวนที่นำพากองเพลิงกองสุดท้าย จากพื้นแผ่นดินไปสู่นรก

ด้วยการรุกรานจากชาวสวรรค์ที่ไม่มีจุดหมายอื่น นอกจากความหมายมั่นจะดับเพลิงกองนี้

แต่ผู้พิทักษ์แห่งนรกจะต้องปกป้องกองเพลิงนี้ ปกป้องสิ่งที่เป็นของเรา

มิฉะนั้น จะไม่เหลืออะไรให้เราปกป้องอีกต่อไป

-----------------------------------------------------------------

Monster Train เป็นเกม Deck-Building , Rouguelike ที่(คิดว่า)ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก Slay the Spire แบบเต็มๆ แต่เพิ่มเติมหลายๆสิ่งที่ทำให้พูดได้ว่าเป็นเกมของตัวเองได้อย่างเต็มปาก ดังนั้นคนที่ชอบเกมแนวๆนั้นก็มีความเป็นไปได้อย่างมากที่จะชอบเกมนี้เช่นกัน

เราจะเริ่มด้วยภารกิจเดียวของเกมนี้ คือการคุ้มครองกองเพลิงแห่งนรกให้สำเร็จ โดยการจัดทัพมอนเตอร์มาคุ้มครองแต่ละชั้นของรถไฟขบวนนี้ในรูปแบบของการจัดเด็ค ด้วยการต่อสู้แบบเกมไพ่ Turn-Based ที่เข้าใจได้ง่าย สนุกและชวนติดพันอย่างมาก เกมอำนวยความสะดวกอะไรให้เราหลายๆอย่าง เช่นการคำนวนดาเมจสุดท้ายของแต่ละเทิร์น ช่วยลดขั้นตอนการคำนวนเองไปได้อย่างมาก(ๆ) ทำให้เกมลื่นไหลและลดความยุ่งยากไปในระดับหนึ่ง แต่ตัวเกมก็มีความซับซ้อนในตัวของมันเอง อย่างการจัดสรรมอนสเตอร์ในแต่ละชั้น รวมถึงการผสมความสามารถของแต่ละเผ่าเข้าด้วยกัน ซึ่งแต่ละเผ่าก็จะมีแนวทางเล่นที่ต่างกันออกไป ตัวเกมจะบังคับให้เราผสม 2 เผ่า(จาก 5 เผ่า)โดยมี Champion หรือ Hero ของเผ่าหลักเรา 1 ตัวซึ่งถือว่าเป็นคีย์ของการเอาชนะในเกมนี้เลย และยังมีการอัพเกรดความสามารถของการ์ดแต่ละใบในรูปแบบของ Slot อีก

ตัวเกมมีคุณค่าในการเล่นซ้ำที่สูงมาก ( ตามแบบฉบับเกม Rouguelike) แต่เกมนี้สูงล้ำเหนือเกมรุ่นพี่อย่าง Slay the Spire ขึ้นไปอีกระดับหนึ่งเนื่องมาจากความหลากหลายของการผสมเผ่าในตัวเกม เพียงแต่ความหลายหลายในบางส่วนของตัวเกมผมรู้สึกว่ามันยังน้อยไปหน่อย อย่างบอสซึ่งมีไม่กี่ตัว , event และ artifact ที่รู้สึกว่ายังมีไม่มากพอ ความสามารถที่อัพเกรดได้ก็เช่นกัน แต่คอนเทนต์ส่วนนี้แก้ไม่ยากหากตัวเกมมีการอัพเดทอย่างเรื่อยๆ เฉกเช่นที่ Slay the Spire ได้แสดงให้เห็นกันมาแล้ว

อ่านข้างบนแล้วก็คงจะงงๆ ไม่เล่นแล้วจะมารีวิวได้อย่างไร ก็เพราะว่าภาคนี้ยกเว้น มาเล่นเพราะจิลในลุคใหม่แต่ชุดเก่าเลย (5555)

RESIDENT EVIL 3 (2020) สำหรับผมเป็นเกม Action Shooter (Survival Horror ?) ที่ดี ระเบิดตูมตามสนุกสนานตามท้องเรื่อง ที่ไม่ค่อยจะได้ฟีลความเป็น RE ซักเท่าไหร่ (รวมถึงฟีลจากภาคต้นฉบับด้วย) แฟนซีรีย์จะไม่ชอบก็ไม่แปลกใจนัก สิ่งที่ขาดหายไปหนักสุดๆนอกจากการตัดสิ่งที่ภาคต้นฉบับมี คือความ (ไม่) เป็นเส้นตรงของเนื้อเรื่อง ที่ภาคต้นฉบับจะทำส่วนนี้ได้ดีกว่า (จากเคยที่ดูคนอื่นเล่น ไม่เล่นเอง กลัว) แต่เพราะความเล่าเรื่องเป็นเส้นตรง (และเพราะเทคโนโลยีในยุคนี้) เนี่ยแหละมันเลยทำให้เกมเล่าเรื่องสนุกมาก พร้อมด้วยความแอคชั่นแบบสุดๆที่ไม่หลุดโลกนัก และมันทำให้ตัวเกมไม่น่ากลัวและระทึกขวัญเท่าต้นฉบับด้วย (แม้ผมจะชอบแบบนี้มากกว่า) และด้วยเวลาการเล่นที่หลายๆคนว่าน้อยไป (น้อยตามภาคต้นฉบับ) ส่วนตัวผมว่ามันพอดีสำหรับคนแบบผม ถ้านานกว่านี้มีหวังเหนื่อย ล้าและสติแตกก่อนที่จะได้เล่นจบเป็นแน่ แต่ก็เข้าใจว่าเทียบกับตัวราคาที่ $59.99 มันไม่เพียงพอสำหรับมาตรฐาน(?)เกมสมัยนี้ อันนี้แล้วแต่ละกัน ความคุ้มค่าของคนเราไม่เท่ากัน

ตัวละครจะไม่พูดถึงเลยเป็นไปไม่ได้ แต่ละตัวมีสเน่ห์ขึ้นมากโดยเฉพาะคู่พระนางของภาคนี้ ใช่แล้วครับ จิลกับเนเมซิสนั่นเอง ... พูดเล่น

จิลเป็นตัวละครที่เก่ง น่ารัก มีสเน่ห์และน่าเอาใจช่วยแบบสุดๆ (อวยส่วนตัว 55555) การที่เรื่องดำเนินโดยใช้จิลเป็นหลัก มันทำให้เรามีอารมณ์ร่วมตามไปกับเธอได้อย่างไม่ยากเย็นนัก จุดนี้ก็ทำได้ดีเลยทีเดียว

คาลอส นายเท่ห์ชะมัด แต่แม้ภาคนี้จะมีบทเยอะ และบทหล่อๆทั้งนั้นด้วย แต่ดูแล้วก็มีแววนกสูงมาก (555555)

เนเมซิส หลายคนบอกว่าเมื่อเทียบกับ MR.X ความกดดันมันน้อยกว่าเยอะ ซึ่งก็จริง และเป็นเหตุผลที่ทำให้ผมเล่นภาคนี้จบ แม้ถ้าตามสคริปเนเมซิสตัวนี้จะตามติดสุดขอบโลกเฉกเช่นเดียวกันก็ตาม

ตัวละครที่เหลือก็โอเค ดูมีมิติ เว้นแค่ตัวร้ายตัวหนึ่งที่ดูตีหน้ามึนไปหน่อย

ถ้าจะให้แนะนำเกมนี้ควรซื้อตอนลดราคาน่าจะดีกว่าครับ อย่างน้อยซัก 30% หรือถ้าเป็นคนที่ชอบเทียบเวลาเล่นกับเงินที่เสียไปแบบสุดๆ ก็รอไปซัก 60%++ ครับอันนี้แล้วแต่ศรัทธา

ปกติผมไม่ได้เล่นเกมแนว VN ซักเท่าไหร่ แต่เกมนี้สนุกเกินคาดจริงๆ ลองเล่น Demo แปบเดียวแล้วกดมาเลย
อย่างที่เกริ่นไป แม้ผมจะเล่นเกมแนวนี้มาไม่เยอะ แต่ก็รู้ได้เลยว่าเกมนี้เป็นเกม VN ที่คุณภาพสูงมากซึ่งสวนทางกับราคา (เคลมไว้ว่ามีภาพกว่า 1,000 ภาพเลยทีเดียว)

- เนื้อเรื่องสนุก น่าสนใจ การเล่าเรื่องดีและตลก(มาก) บทจะซึ้งก็ทำได้ค่อนข้างดี มีอนิเมชั่นแบบการ์ตูนตะวันตกแทรก
- CG เยอะและสวยงาม art style ผสมผสานแบบอนิเมะญี่ปุ่นและการ์ตูนทางตะวันตกได้อย่างดีงามและแปลกใหม่
- เสียงพากย์และเพลงประกอบดีมากกกกกก
- โดยรวมเหมือนดูอนิเมชั่นดีๆเรื่องหนึ่ง

ข้อเสียคืออาจจะสั้นไปหน่อย ส่วนตัวยังเล่นไม่จบ แต่จากที่ดูคนอื่นน่าจะอยู่ราวๆ 5 - 10 ชม. ซึ่งเทียบกับราคาก็ยังถือว่าคุ้มอยู่ดี

แนะนำครับ

Wizard of Legend เป็นเกม Rougelike ที่ใช้เวลาในการเล่นแต่ละรอบสั้นๆอีกเกมหนึ่งที่สำหรับผมถือว่ายากพอดู 27 ชม.นี่ผมเคยจบเกมแค่รอบสองรอบ (ถ้าจำไม่ผิด) ต้องหูตาไว เพื่อเป็นนักเวทย์สาย Agi dash ทั้งเกม ฮา
เนื่องจากตัวเกมพึ่งอัพเดทเสตจใหม่และของใหม่ๆมาก็เลยลองกลับมาเล่นใหม่ดู ปรากฎว่าตายด่านแรกๆรัวๆ 5555 (เกมแบ่งเป็น 3 ด่านใหญ่ 6 ด่านย่อย 3 Boss ตามธาตุ และ 1 Final Boss)
ตัวเกมเดินตามรอยเกมแนว Rougelike ที่ดี มีความหลากหลายของสกิล(ที่แบ่งเป็น basic attack คือสกิลเหมือนกับกดโจมตีธรรมดา , active skill ที่เป็นสกิลกดใช้, dash ที่เป็นการเคลื่อนที่โดยใช้สกิล, และ signature หรือท่าไม้ตาย) มีการต่อ combo กันของสกิลแต่ละประเภท, ของไอเทม (Relic), ชุดที่ใส่ (Outfit), ชวนให้เล่นซ้ำได้เรื่อยๆ แถมเล่น co-op ได้

เพียงแต่ความหลากหลายเหล่านี้บางคนก็อาจจะเห็นว่าไม่เพียงพอ เนื่องจากหลายๆสกิลก็คือการเปลี่ยนธาตุแบบเฉยๆแค่นั้น ศัตรูก็มีรูปแบบไม่เยอะนัก รวมถึงด่านก็เช่นกัน, Relic ส่วนมากที่มีผลค่อนข้างน้อย และความยากที่อาจจะเกินพอดีสำหรับบางคน ส่วนตัวคิดว่าเพราะไม่มีการอัพเกรดที่ถาวร ทุกรอบเราจะไปตัวเปล่าแบบเดิม พ่วงด้วยสกิลที่จัดข้างนอกได้(แต่ไม่ได้อัพเกรด)

รวมๆแล้วก็สนุกคุ้มกับราคาอยู่ เกมยังมีอัพเดทเรื่อยๆด้วย

ไม่ควรเล่นวันวาเลนไทน์ ... ในหลายๆความหมาย

Seattle 2020
เมืองทีเต็มไปด้วยความฝันและความบ้า
ในยุคสมัยที่สงครามระหว่างเผ่าพันธ์เหลือทิ้งไว้เพียงร่องรอยในประวัติศาสตร์
ยุคสมัยที่ผู้คนฝันที่จะเป็นอะไรก็ได้ที่อยากจะเป็น
แม้บางครั้ง มันจะพังลงไป ก่อนที่จะได้พูดถึงมัน
แต่ก็ยังมีที่ๆหนึ่ง ที่ๆทุกสิ่งเกิดขึ้นได้

เป็นยุคสมัยที่เอลฟ์ออกจากป่ามาริเริ่มสตาร์ทอัพ
คนแคระออกจากถ้ำมาก่อสร้างจักรวรรดิยานยนต์
ออร์คละทิ้งขวานหันมาจับคอมพิวเตอร์
และมนุษย์ที่อาศัยอยู่ร่วมกับทุกสรรพสิ่ง อย่างที่เคยเป็น

เป็นเมืองที่รวมทั้งความฝันและเรื่องราวของผู้คน
เรื่องราวเหล่านี้ส่วนใหญ่ แม้ไม่ได้ถูกกล่าวถึง
แต่ยังมีบางเรื่องราว ที่ได้รับการปลอบประโลมใจอยู่ท่ามกลางอ้อมกอดของท่อนอิฐ แผ่นไม้และบานกระจก
เรื่องราวที่ถ่ายทอดระหว่างการดื่ม และอาศัยอยู่ในความทรงจำของคนแปลกหน้า

ในมุมๆหนึ่งของเมืองนี้ มีร้านกาแฟร้านหนึ่ง
สถานที่ๆจะเปิด เฉพาะยามที่ตะวันลับขอบฟ้า
สถานที่ๆผู้คน มาแบ่งปันเรื่องราวของกันและกัน
และนี่คือเรื่องราวเหล่านั้น

Coffee Talk

นี่เป็นบทนำของเกมๆนี้ ถึงแม้จะบอกว่าเป็นเกม แต่ก็เป็นเหมือนการอ่านนิยายเสียมากกว่า
ถ้าคุณชอบอ่านเรื่องราวในโลกที่ไม่ใช่โลกที่เราอยู่ แต่พบปัญหาคล้ายๆโลกที่เราอยู่ ก็แนะนำให้ลองสัมผัสดูครับ

จั่วหัวเหมือนจะด่า แต่ทำไมแนะนำ ก็จะบอกว่าเพราะความชอบในตัวมังงะนี่แหละ มันเลยมองข้ามความดีหรือไม่ดี แล้วไปชอบตัวเกมแทนได้
ซึ่งถ้าเป็นคนที่ไม่ได้ชอบการ์ตูนเรื่องนี้ แค่ได้ยินผ่านๆ ไม่เคยอ่านไม่เคยดู หรือกระทั่งคนที่ชอบดราก้อนบอล จะไม่ชอบเกมนี้ก็ไม่แปลกใจนัก เพราะมันมีองค์ประกอบของความ "งั้นๆ", "ทำไม่เสร็จ", "ทำไมไม่มีอันนี้" และ "ใส่มาทำไม" อยู่หลายอย่างมาก

เริ่มที่เนื้อเรื่อง โอเค เพราะเราโตมากับมัน เราเลยรู้สึกอินและมีอารมณ์ร่วมตามไปได้อย่างไม่ยากเย็นนัก แต่ถ้าเป็นเด็กสมัยใหม่มาเล่น เนื้อเรื่องก็อาจจะไม่ได้สุดยอดอะไรนัก ผมเลยขอใช้คำว่า "งั้นๆ" (นึกถึงข่าวที่มีชาวญี่ปุ่นไม่เคยอ่านเรื่องนี้ ได้ลองอ่านในยุคหลัง)
แต่การได้เห็นฉากต่างๆที่เราทั้งเคยผ่านตามา(ในมังงะหรืออนิเมเดิม) และไม่เคยเห็นมาก่อน (เนื้อเรื่องเสริม side story ต่างๆ เติมเต็มจุดที่เคยขาดหายไป) ก็เป็นการเติมเต็มหัวใจในวัยนั้นได้ไม่มากก็น้อย แต่ตรงส่วนเนื้อเรื่องจะขัดใจตรงที่บางฉากเราอยากเห็นมาก แต่ในเกมข้ามหรือไม่มีซะงั้น (it's over 9,000! เป็นตัวอย่างที่ดี) และขาดโมเม้นเล็กๆน้อยๆไปซึ่งเข้าใจได้ว่าต้องบีบเวลาลงมา ไม่งั้นแค่เนื้อเรื่องอย่างเดียวก็คงได้เล่นเป็นร้อยๆชมแน่ (แต่ทำให้ก็เล่นนะ) ส่วนตัวผมจบเนื้อเรื่องหลักใช้เวลาประมาณ 35 ชม. แต่ยังมีหลายอย่างให้ตามเก็บ ก็ถือว่าคุ้มค่าใช้ได้

เกมเพลย์ เกมมีพื้นฐานเป็นกึ่ง open world ที่ค่อนข้างไร้ชีวิตชีวา (อันที่จริงโลกดราก้อนบอลมันก็แห้งแล้งอยู่แล้ว) และเป็นเส้นตรง ไม่มีการตัดสินใจอะไร ความเป็น RPG ก็ตื้นมาก ระบบอัพสกิลที่มีก็เหมือนไม่มี (เพราะยังไงก็อัพหมดได้ง่ายๆ) ระบบอาหารก็ไม่ได้จำเป็นนัก (หลังจากที่จับทางได้ เกมมันก็ง่ายไปเลย ถ้าตัวเกมมีเพิ่มระดับความยาก ระบบนี้อาจจะน่าสนใจขึ้น) กระทั่งหลายๆช่วงก็ไม่มีจังหวะให้กินซะงั้น โดยเฉพาะเนื้อเรื่องช่วงท้ายๆ หลายๆอย่างเหมือนทำไม่เสร็จ ระบบต่อสู้ก็ไม่ได้ซับซ้อนอะไรนัก แต่สนุกตามแบบฉบับดราก้อนบอล ความอลังการและตื่นตาตื่นใจเวลาเห็นสกิลต่างๆก็สมเป็นดราก้อนบอลดี

แต่ทั้งหมดทั้งมวล มันเป็นเกมที่ทำมาสำหรับแฟนๆจริงๆ ระบบต่างๆอาจจะไม่ได้ดีนัก แต่ก็สนุกจนทำให้แฟนๆวางจอยไม่ลงเลยทีเดียว(ลืมเรื่องคีย์บอร์ดไปซะ)

สรุป ถ้าเป็นแฟนดราก้อนบอล - กดมาลองเถอะ กดแค่ตัวธรรมดาก็ได้ เนื้อหา season pass ไม่รู้จะว่าจะมาเมื่อไหร่ ซื้อแยกก็แพงขึ้นนิดเดียว ของแถมอื่นๆก็ไม่น่าสนใจขนาดนั้น

สุดท้ายแล้วนี่เป็นไม่กี่เกมที่ผมเล่นจบในช่วงหลังๆ 555

ป.ล. ตอนนี้เกมมีบัค achievement ไม่ขึ้นอยู่ตัวหนึ่ง ซึ่งผู้พัฒนาบอกจะแก้ในแพทหน้า ตอนนี้เราก็เก็บตัวอื่นรอได้ รวมถึงตัวที่บอกว่าได้เมื่อเก็บ achievement ครบ เพราะมันไม่นับตัวที่บัคอยู่นั่นเอง

Love Esquire เป็นเกมที่... ก็ตามที่ห้อยท้ายชื่อเกมละครับ RPG/Dating Sim/Visual Novel แต่อย่าคาดหวังว่ามันจะเป็นตามนั้น ฮา
เกมนี้แก่นของมันคือเป็นเกมจีบสาว องค์ประกอบต่างๆในเกมนี้ก็มีเพื่อการนี้อย่างเดียว ดังนั้นความเป็น Dating Sim มันเลยชัดที่สุด เรามีหน้าที่ต้องคุยและเพิ่มความสัมพันธ์กับสาวๆที่เราสนใจ (เกมนี้มีตัวละครหญิงที่จีบได้ 5 คน) เพื่อมุ่งไปสู่ฉากจบที่เราต้องการ (เกมนี้มีหลายฉากจบ)
โดยการปฏิสัมพันธ์กับสาวๆจะอยู่ในรูปแบบของ Visual Novel ที่การโต้ตอบแต่ละครั้งมีผลกับฉากจบ แน่นอนว่าการจีบสาว เราจีบมือเปล่าไม่ได้ต้องมีของไปเปย์ด้วย ฮา เพราะงี้ตัวเกมเลยมีการใส่ความเป็น RPG เข้ามา ในแต่ละวันเราเลือกได้ที่จะทำการฝึกฝนตัวเองในแต่ละด้าน หรือไปหน้าด่าน สู้กับมอนเตอร์เพื่อหาตัง ในหน้าที่ๆเรียกได้ว่า เอ่อ ลองไปเจอเองละกัน เพื่อไปหาตังมาเปย์สาว ฮา และเพื่อฝึกฝนตัวเราให้เก่งขึ้นเรื่อยๆ เตรียมตัวเจอกับสงครามในอนาคต (เกมจะจบในช่วงที่เราต้องออกไปทำสงคราม)

- เน้นการบริหารจัดการเวลามาก อย่างที่บอก เราต้องทำทั้งจีบสาว ฝึกฝนตัวเอง หาตัง ถ้าจะทำทุกอย่างในวันเดียว(หรือแบ่งยังไงก็แล้วแต่) ต้องคำนวนดีๆ ถ้าเราถึงบ้านไม่ทันก่อนเที่ยงคืน เราจะตื่นสาย และเสียช่วงเวลาอันมีค่าในแต่ละวันไป และเกมก็มีกิจกรรม หรือเหตุการณ์พิเศษที่เราจะเจอได้ตลอด
- มีเสียงพากย์ทั้งตัวเราและตัวละครหญิงหญิงเต็มรูปแบบ
- ตัวเอกจะเกรียนๆ (ไม่)หน่อย ฟังเสียงก็รู้คาแรกเตอร์ละ ฮา
- พอตัวเอกเกรียน เนื้อเรื่องบางส่วนก็อาจจะรั่วๆ(ไม่)หน่อย
- เรื่องภาพ อันนี้ก็ตัดสินใจจากตัวอย่างเอาละกัน
- เดี่ยวนี้เซฟได้หลาย slot แล้ว และมี New Game + ด้วย
โดยรวมๆแล้วก็เป็นเกมที่ดีครับ เล่นเพลินๆได้(เพลินจนเรียกได้ว่าน่าเบื่อในบางช่วง) แต่อย่าคาดหวังองค์ประกอบความเป็น RPG หรือความลึกของเกมเยอะ

Children of Morta เป็นเกม rogue-lite ที่น่าสนใจเกมหนึ่ง เพราะเคลมตัวเองไว้ว่าเป็นเกมที่ขับเคลื่อนด้วยเนื้อเรื่อง ซึ่งมักไม่เจอในเกมแนวนี้ เพราะปกติคุณก็แค่ต้องเล่นแล้วตายซ้ำตายซาก เพื่อไปให้ได้ไกลขึ้นทีละนิด ทีละนิด ในสถานการณ์ที่ซ้ำๆแบบเดิม (ส่วนมากเนื้อเรื่องก็เลยยัดมาไว้งั้นๆ) โอเค เกมนี้ก็เหมือนกัน (ฮา) แต่เกมนี้ทุกครั้งที่คุณตาย คุณจะกลับมาที่บ้านของคุณ ครอบครัว Bergson อันแสนอบอุ่นที่เต็มไปด้วยคนที่ไม่ธรรมดา เพราะครอบครัวคุณคือผู้ปกปักษ์รักษาของหุบเขาลึกลับที่ชื่อว่า Morta แห่งนี้ (ตามชื่อเกม) มารุ่นสู่รุ่น แต่ความซวยมันมาตกอยู่ที่รุ่นคุณ (ฮา) เพราะอยู่ดีๆหุบเขาแห่งนี้ก็โดน Corruption หุบเขาที่สงบสุขมาเนิ่นนาน แปรเปลี่ยนเป็นฝันร้าย ที่คุณจะต้องค้นหาความจริงที่อยู่เบื้องหลังการ Corruption นี้ ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป

เกมนี้เป็นเกมแนว rogue-lite, hack & slash กราฟฟิคแบบ Pixel ที่สวยงาม (ถ้าชอบ) ผสมกับการเป็น dungeon crawling ที่จะสุ่มสิ่งต่างๆในดันเจี้ยนทุกครั้งที่คุณเข้าไป เกมเพลย์เข้าใจไม่ยาก เล่นง่าย(แต่การตายเป็นเรื่องปกติ) สนุก ตัวละครมีให้เลือกหลายตัว แต่ละตัวก็มีเมคานิค มีวีธีการเล่นที่แตกต่างกัน ระบบพัฒนาตัวละครก็ออกแบบมาดี คุณจะแกร่งขึ้นทุกครั้งที่คุณตาย เนื้อเรื่องน่าสนใจ น่าติดตาม ความสัมพันธ์ในครอบครัวที่อบอุ่น ตัวละครแต่ละตัวน่าจดจำ เพลงประกอบโอเค เล่นกับเพื่อนได้แบบ local co-op (ถ้าจะ online ก็เล่นผ่าน remote play together ไปก่อน)

ถ้าชอบความเป็น rogue-lite ก็แนะนำให้ลองสัมผัสดูครับ เกมราคาไม่แพงด้วย ถ้าชอบยังไงก็คุ้ม