64 people found this review helpful
3 people found this review funny
2
Recommended
0.0 hrs last two weeks / 10.5 hrs on record (4.9 hrs at review time)
Posted: Nov 9, 2021 @ 10:15pm
Updated: Nov 10, 2021 @ 10:17am
Product received for free

มันคือ "ความสมบูรณ์" ที่มากขึ้นซึ่งเกมภาคที่ 1 ควรจะเป็นตั้งแต่แรก

พูดให้ชัดเจนที่สุด "Jurassic World Evolution 2" ก็คือเกมภาคแรกที่ปรับปรุงขึ้นในทุกๆ ด้าน มันเต็มไปด้วยฟีเจอร์ใหม่และองค์ประกอบที่ทำให้เกมสมบูรณ์มากขึ้น อย่างที่เกมภาคแรกมันควรจะเป็นแต่แรก คอนเทนด์และลูกเล่นต่างๆ ถูกเพิ่มเข้ามาจนคุณรู้สึกได้ว่ามันมีอะไรให้ทำเยอะกว่าภาคแรกพอสมควร แต่ทั้งหมดทั้งมวลที่เป็นสิ่งใหม่ในภาคนี้ก็ไมได้ให้ความรู้สึกขนาดเป็นการ "ก้าวกระโดด" ทุกอย่างยังคงยืนพื้นอยู่บนสูตรสำเร็จเดิมๆ และก็เป็นที่น่าเสียดายที่บางสิ่งบางอย่างซึ่งเป็นจุดด้อยในภาคก่อนก็ยังคงไม่ได้รับการปรับปรุงอีกด้วย เกมเพลย์ของภาคนี้จึงยังคงยืนพื้นเหมือนเดิมแทบจะเป๊ะๆ ดังนั้นผมจะพูดถึงเฉพาะองค์ประกอบใหม่ที่เพิ่มเข้ามา ความคุ้มค่า และข้อด้อยต่างๆ สำหรับคนที่พึ่งเข้ามาและไม่รู้ว่าเกมเพลย์ของซีรีส์นี้เป็นอย่างไรสามารถย้อนไปอ่านได้ที่ Jurassic World Evolution Review ครับ
https://steamcommunity.com/sharedfiles/filedetails/?id=2650731414
ตัวเกมภาค 2 ยังคงเหมาะกับผู้เล่นที่ไม่ต้องการความหนักหน่วงหรือปวดหัวไปกับการจัดการมากนัก คุณจะไม่รู้สึกเหนื่อยหรือต้องใช้เวลาในการเล่นมากมายเท่ากับเกมซีรีส์ "Planet" ของทางค่ายเพื่อที่จะเข้าถึงรายละเอียดแทบทั้งหมดของมัน ผมอยากให้คุณเข้าใจและยอมรับว่านี่ไม่ใช่ "Planet Dinosaur" หรือเกมที่ควรจะมีการจัดการลุ่มลึกและอิสระสุดขีดเหมือนเกมอื่นของ Frontier ซึ่งถ้าคุณเข้าใจพื้นฐานของตัวเกมตรงนี้ ต่อไปนี้คือสิ่งใหม่ๆ ที่ได้รับการปรับปรุงเพิ่มเข้ามาในตัวภาคต่อครับ

ตัวเกมมาพร้อมโหมดดั้งเดิมอย่าง Campaign, Challenge, Sandbox และที่เพิ่มเข้ามาคือ Chaos Theory ซึ่งจากที่หลายคนบ่นว่า Campaign มันสั้นก็ต้องบอกว่ามันเป็นจริงตามนั้น รู้สึกได้เลยว่าอาจเว้นไว้เผื่อรอภาพยนต์ภาคใหม่หรือรอขาย DLC แต่การเพิ่มส่วนของ Chaos Theory เข้ามาให้เล่นก็พอทดแทนได้อยู่และการเล่นส่วนนี้ก็สนุกน่าสนใจสำหรับคนชอบ Jurassic ฉบับภาพยนต์อีกด้วย โดยในโหมดใหม่นี้เกมจะพาผู้เล่นกลับไปสัมผัสกับเกาะที่เป็นสถานที่จากภาพยนต์ในแต่ละยุค มีภารกิจที่ท้าทายให้ทำ จัดการบริหารเกาะให้บรรลุเป้าหมาย เป็น Scenario สไตล์ "What if" ด้านคัตซีนและเสียงพากษ์ต่างๆ ก็จะยกมาจากภาพยนต์ทั้งสิ้น ใครที่คิดถึงบรรยากาศจากเกมภาคแรก ส่วนของ Chaos Theory ก็ยังช่วยเติมเต็มอารมณ์ด้วยเช่นกัน ส่วนนี้พูดได้ว่าก็ไม่น่าผิดหวังแม้จะมีให้เล่นอยู่แค่ 5 เกาะก็ตาม
https://steamcommunity.com/sharedfiles/filedetails/?id=2650692873
ไดโนเสาร์มีหลากหลายสายพันธุ์มากกว่า 80 ชนิด (และเชื่อว่าอนาคตจะมีการทำมาขายอีก) พร้อมทั้งปรับปรุงพฤติกรรมหลายรูปแบบ ทำให้พวกมันดูมีชีวิตชีวามากขึ้น เป็นอีกจุดหนึ่งที่ทีมงานรับฟังเสียงผู้เล่นจากก่อนแล้วก็นำมาปรับปรุงเต็มที่ มีเพิ่มไดโนเสาร์ในน้ำและพวกตัวที่บินได้ซึ่งทำได้ดีกว่าใน DLC ของเกมภาคแรกมากๆ อนิเมชั่นของไดโนเสาร์แต่ละตัวได้รับการปรับปรุงมาอย่างดี มีการตอบสนองกับสิ่งต่างๆ อย่างที่ควรจะเป็น ตามด้วยระบบการวิจัยที่เปลี่ยนไปให้มีความลึกขึ้น ต้องใช้นักวิทยาศาสาตร์ที่มีแต้มสาขาแต่ละแบบเข้ามาช่วยในการวิจัย นักวิทย์แต่ละคนก็จะมีคุณสมบัติต่างกันที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการวิจัยด้วย เช่น ลดค่าวิจัย วิจัยเร็ว เป็นต้น และส่วนของ Expendition เองก็ต้องมีการส่งผู้เชี่ยวชาญหรือนักวิทย์ในสาขาที่เกี่ยวข้องออกไปด้วยเช่นกัน ไม่ใช่แค่กดส่งเฮลิคอปเตอร์เฉยๆ แบบภาคก่อนอีกแล้ว

สภาพแวดล้อม (Biomes) มีความหลากหลายกว่าภาคก่อน มีให้เลือกทั้งทะเลทราย ทุ่งหิมะ ทุ่งหญ้า และสภาพแวดล้อมแบบป่าเช่นภาคก่อน ทำให้การเล่นเกมในภาคนี้ค่อนข้างจะให้ความแปลกตาไม่น่าเบื่อ และยังมีภัยภิบัติเพิ่มเข้ามาซึ่งช่วยทำให้การจัดการสวนไดโนของคุณท้าทายขึ้น เช่น พายุทราย พายุหิมะที่จะลดการมองเห็นและปิดการใช้งานระบบบางระบบ หรือทอร์เนโด เป็นต้น การสร้างสภาพแวดล้อมในกรงของไดโนภาคนี้ก็ทำได้ง่ายขึ้นและมีการจัดประเภทให้กดใช้ได้เป็นหมวดๆ ไม่ต้องมานั่งวางต้นไม้ทีละต้น หรือปรับพื้นผิวที่และประเภท คุณแค่กดเปิดใช้งาน เลือกขนาดแปรงแล้วก็ลากลงไปในกรงได้เลย
https://steamcommunity.com/sharedfiles/filedetails/?id=2650643732
ระบบการเล่นมีความจุกจิกมากขึ้นกว่าภาคก่อนที่อาจจะเคลมว่าเป็นส่วนการจัดการที่ลึกกว่าเดิมก็ได้ ซึ่งมันมีทั้งข้อดีและข้อเสียในตัวและยังไม่รู้สึกลงตัวนักในบางฟีเจอร์ เช่น เรื่องการจัดการไดโนเสาร์ที่คุณต้องคอยตรวจสภาพหรือเช็คร่างการตอนมันป่วย ซึ่งหลายๆ ครั้งแม้จะตั้งค่าให้เป็นตารางประจำอยู่แล้ว แต่คุณก็ต้องมาสั่งเองตลอดทุกครั้ง กระทั่งทุกครั้งที่ไดโนเสาร์หลุดออกจากกรง แทนที่หน่วย Respond จะตอบสนองทันที คุณกลับต้องมาคอยสั่งเฮลิคอปเตอร์ออกไปเองตลอด ซึ่งจริงๆ เกมน่าจะมีระบบเฝ้าระวังเพื่อให้ทีมงานในสวนมันทำงานอัตโนมัติได้ หรืออย่างประเภทนักท่องเที่ยวที่หลายคนเรียกร้องอยากให้มันดูหลากหลาย ภาคนี้ก็ไม่ได้ปรับปรุงอะไรและการจัดการส่วนนี้ก็ไม่ได้ลึกขึ้นไปกว่าภาคก่อนนัก คุณอาจจะ Customize ร้านค้าต่างๆ ให้ถูกใจนักท่องเที่ยวได้ แต่คุณจะไม่สามารถเข้าไปดูรายละเอียดความต้องการแบบลึกๆได้ ตรงนี้หลายคนอาจจะรับได้หรืออาจไม่ถูกใจ แต่ต้องเข้าใจก่อนว่ามันเป็นเกมที่เน้นการบริหารจัดการที่เบาบางอยู่แล้ว ครั้นจะเอาไปเทียบกับเกมที่เน้นการจัดการหนักๆ อย่าง Planet Zoo หรือ Planet Coaster ก็คงจะไม่แฟร์เท่าไหร่

สำหรับกราฟิกในเกม ต้องยอมรับว่าภาคนี้ทำได้สวยงามกว่าเดิมในแทบจะทุกรายละเอียด ในขณะเดียวกันก็ไม่ได้กินสเป็คไปมากกว่าเดิมจนรู้สึกได้แต่อย่างใด เกมรองรับการแสดงผลบนจอ Ultra Wide และ HDR เต็มรูปแบบ ส่วนเรื่อง Performance เองสำหรับผมก็ไม่มีปัญหาใดๆ ทั้งสิ้น เกมเล่นลื่นไหลดีมากๆ เรื่องของเสียงก็มีความเป็น Original ตามฉบับภาพยนต์ เรียกว่าถ้าคุณเป็นแฟนภาพยนต์คุณจะต้องถูกใจเกมภาคนี้เป็นพิเศษ

ทีนี้มาถึงข้อเสียกันบ้าง เป็นที่รู้กันว่าเกมจาก Frontier ส่วนใหญ่มักจะมีปัญหาเรื่องบัคแบบถล่มทลายกันอยู่แล้วในวันแรก (เป็นแทบทุกเกม) ซึ่งปัญหาหลักๆที่พบเจอช่วงเกมปล่อยส่วนใหญ่เป็นบัคเกี่ยวกับ QoL แต่ก็ชวนให้รำคาญมากๆ อย่างเช่น อยู่ดีๆ ก็หมุนมุนกล้องไม่ได้ คีย์บอร์ดและเมาท์อหยุดการตอบสนองไปเฉยๆ คลิกไม่ได้ กดไม่ได้ หรือหากเรียก Steam Overlay ขึ้นมาเกมก็ค้างไป 1-2 วินาทีเอาดื้อๆ รวมทั้งบทสอนในเกมเองก็ทำไม่ละเอียดนัก ภารกิจต่างๆจะบอกแค่ให้ทำอะไรแต่ไม่บอกว่าต้องทำยังไงไปจนถึง shot cut ต่างๆหรือ tool tip ที่ควรแสดงในแต่ละหัวข้อซักนิดก็ไม่มีให้ดู ปัญหาเหล่านี้แทบจะเหมือนกับเกมภาคแรกที่ปล่อยตอน Day 1 เป๊ะๆ ซึ่งสุดท้ายก็หายไปหมดด้วยการ Patch (ซึ่งนี่ก็มี Patch วันแรกด้วยนะ แต่เข้าเกมมาก็ยังเจออยู่) ถ้าคุณเล่นช่วงแรกที่เกมปล่อยคุณอาจจะหงุดหงิดกับเรื่องพวกนี้ แต่ถ้าคุณพึ่งซื้อมันมาหลังจากเวลาผ่านไปนานแล้ว ปัญหาแนวๆนี้ก็น่าจะได้รับการแก้ไขแล้วเช่นกัน และอีกอย่างหนึ่งที่น่าจะทำให้หลายคนมอบโป้งแดงให้กับเกมนี้ในวันที่มันพึ่งปล่อยก็คือ เรื่องของ "ราคา" ที่เทียบกับคอนเทนด์ที่เกมมอบให้ อย่างบ้านเรานั้นราคาไม่ได้สูงนักซึ่งผมคิดว่ามันก็สมน้ำสมเนื้อกันดีถ้าคุณชอบเกมภาคก่อนเป็นทุนและไม่ได้หวังว่ามันจะมีอะไรใหม่มากมายจนเกินจินตนาการ แต่สำหรับโซนอื่นแล้ว ราคาเกมค่อนข้างจะสูงกว่าของเรามาก มันจึงไม่แปลกที่คุณอาจจะเห็นหลายความเห็นบ่นว่าคอนเทนด์บางส่วนน้อยไป โหมด Campaign สั้นไป อะไรแบบนั้น (แน่นอนว่าเกมมันถูกทำมาเพื่อรอขาย DLC ต่ออีกด้วย)

ในท้ายที่สุดแล้วหากถามผมว่ามันเป็นเกมที่โอเคมั้ย ผมก็คงตอบได้แบบไม่ต้องคิดมากเลยว่า "มันดีกว่าเกมภาคแรกแน่นอน" แต่...มันก็อาจจะไม่ใช่เกมที่ถูกใจคนชอบเล่นเกมแนวนี้ทุกคน ยกเว้นซะว่าถ้าคุณชอบเกมภาคแรกและคาดหวังว่าเกมภาค 2 จะดีกว่าเดิม เกมภาคนี้ก็จะตอบโจทย์คุณชัวร์ กระนั้นถ้าคุณชอบภาคแรกและจัด DLC มาจนครบทุกตัวในเร็วๆนี้ (ก่อนที่จะสนใจเกมภาคต่อตัวนี้) คุณอาจไม่จำเป็นต้องรีบร้อนมากดเกมภาคนี้ในทันทีก็ได้ แม้ว่าองค์ประกอบใหม่ๆ จะช่วยเพิ่มสีสันทำให้มันมีอะไรทำมากกว่าเดิมหลายอย่างตั้งแต่ต้น แต่ก็อาจไม่คุ้มค่าราคาเต็มเท่าไหร่นัก เพราะคอร์เกมเพลย์หลักๆ แล้วนั้นมันแทบจะไม่ได้แตกต่างกัน ในส่วนการจัดการของเกมภาค 2 เองก็ยังคงมีความ Casual เหมือนเดิม ไม่ได้รู้สึกเป็น Sim ที่หนักขึ้นหรือมีความใกล้เคียงซีรีส์ "Planet" ของค่ายนี้แต่อย่างใด อย่างไรก็ตามถ้าคุณชอบไดโนเสาร์แต่กลับไม่ค่อยชอบเกมภาคแรกเพราะรูัสึกว่ามันไม่จุใจนัก Jurassic World Evolution 2 ก็ยังคงเป็นคำตอบที่ดีหากคุณกำลังมองหาเกมสร้างสวนไดโนเสาร์ภายในปี 2021 แต่อย่าคาดหวังว่าการเล่นมันจะลุ่มลึกมากจนเทียบเท่าเกมอื่นๆ ของค่ายนี้ครับ
---------------------------------------
++ เกมเพลย์ดั้งเดิมที่ปรับปรุงขึ้นมาในทุกด้าน กราฟิกสวยงามมากขึ้น ตอบโจทย์คนรักภาพยนต์มากว่าเดิม ให้ความรู้สึกเหมือนภาคแรกที่สดใหม่ซึ่งถ้าใครเคยชอบก็จะยิ่งชอบมากกว่าเดิม

+/- Campaign สั้นไปซักหน่อยและให้ความรู้สึกเหมือนบทสอน ฟีเจอร์ที่เพิ่มมาให้ความรู้สึกใหม่แต่ก็ไม่ได้ถึงกับ "ว้าว"และบางอย่างก็ไม่มีความจำเป็น แน่นอนว่าเกมทำมาเพื่อรอขาย DLC ในอนาคตอีก

- บัคประปรายและ Quality of life ที่เชื่อว่าปรับปรุงได้ในอนาคต
---------------------------------------
ถ้าคุณชอบอ่านบทวิจารณ์เกมก่อนตัดสินใจซื้อ สามารถไปติดตาม follow เพิ่มเติมกันได้ที่ Thai Gamers' Curators ครับ
Was this review helpful? Yes No Funny Award