Baldur's Gate 3

Baldur's Gate 3

Not enough ratings
[BG3] Build#029 ขุนค้อนแห่งหมัดระเบิดเวลาฆ่ายกแก๊งค์
By Kingreader-K
บิ้ว Endgame (Act 3 Lv12) สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการสวมบทบาทคนแคระ ไล่ขว้างค้อน ต่อยหมัดระเบิด ทำดาเมจแสนบรรเจิดได้ในบิ้วเดียว โดยไกด์นี้ จะอธิบายการทำบิ้ว, อุปกรณ์ที่จำเป็น, และวิธีการเล่นให้อย่างละเอียดระดับโมเลกุล

อ้างอิงจากเกม Version 4.1.1.5022896 (Patch 6 Hotfix 25)
   
Award
Favorite
Favorited
Unfavorite
Introduction & Overview
คุณอยากเล่นบิ้วที่โจมตีระยะไกลก็ดี ระยะใกล้ก็เก่งมั๊ย?
คุณอยากได้บิ้วกังฟูแบบ 006 และสายขว้างแบบ 007 รวมกันหรือไม่?
และคุณชอบการเล่นเป็นเผ่า Dwarf ผู้มีความสามารถในการใช้ค้อนมั๊ย?


สวัสดีนักอ่านบิ้วทุกท่านครับ วันนี้กลับมาพบกับผม Kingreader-K กันอีกแล้ว ในบิ้วไกด์ที่ 29 กับบิ้วสาย DPS ที่จะทำให้คุณเล่นแบบ Melee หรือ Range ก็ยังได้ดาเมจที่โหดเอาเรื่อง แถมยังมีการสุ่มกาชาบัฟเล็กน้อยเพื่อความตื่นเต้นด้วย ... เป็นไงครับ น่าสนใจรึยังล่าาา

บิ้วนี้ตามที่เกริ่นบอก คือ การผสมผสานการเล่นแบบบิ้ว Monk 006 และบิ้วสายขว้าง 007 ไว้ด้วยกัน ทำให้คุณสามารถขว้างโจมตีศัตรูในระยะไกล แต่ก็ยังสามารถจัดการศัตรูระยะใกล้ด้วยมือเปล่าอย่างรุนแรงได้ ... เป็นบิ้วที่มาจากการที่ผมหมดไอเดีย เลยนั่งหาบิ้วที่เคยทำไว้มาผสมผสานกัน พร้อมกับอยากจะบิ้ว Subclass ที่ไม่ได้ใช้บ่อยๆอย่าง Wild Magic Barbarian ... แต่พอนั่งปรับไปปรับมา หืม? ได้ผลดีเกินคาดมากๆครับ เพราะทั้งสองบิ้วใช้ Feat เทพอย่าง Tavern Brawler เหมือนกัน แถมยังมีอุปกรณ์และสกิลที่สามารถใช้ร่วมกันได้อย่างคาดไม่ถึง ... ว่าแล้วก็อย่ารอช้า ลงไปดูรายละเอียดวิธีการบิ้วกันเลยดีกว่าครับผม

การสร้างตัวละครที่ Level 01
Monk Lv1

Origin/Race/Sub-Race - นี่เป็นบิ้วแรกเลย ที่ผมขอบังคับให้เลือกเป็นเผ่า Duergar เพื่อความสุดของบิ้วนี้ เนื่องจากเผ่านี้จะมีความสามารถมองเห็นในที่มืดแล้ว ในตอนเลเวล 3 คุณจะได้สกิล Enlarge ฟรี 1 ครั้ง / 1 Long Rest แบบไม่ต้อง Concentrate ด้วย ทำให้สามารถเพิ่มดาเมจให้กับบิ้วนี้ได้อีก 1-4 หน่วย เป็นเวลา 10 เทิร์น ... แต่ถ้าคุณจะเลือกเผ่า Dwarf อื่นก็ได้นะครับ แต่ถ้าจะเล่นบิ้วนี้ให้สุดยังไงก็ควรเป็นเผ่านี้เท่านั้น

Class - Monk ครับชัดเจน โดยในเพียงเลเวลแรกเราก็จะได้สกิลมามากมาย ดังนี้

Flurry of Blows - ใช้ Bonus Action และ Ki 1 แต้ม ในการโจมตีด้วยมือเปล่า 1 คอมโบ 2 ฮิท แม้จะมี Attack Roll แยกกันในแต่ละฮิท แต่วัดดาเมจแล้ว ถือว่าคุ้มสุดๆครับ เป็นดาเมจหลักของคลาสนี้เลย
Unarmoured Defence - ของคลาส Monk นั้น หากไม่ใส่เกราะจะได้โบนัสจาก Wis Modifier บวกเข้าไปใน AC ด้วย ซึ่งก็ดีมากสำหรับช่วงแรกๆ
Martial Arts: Dextrous Attacks - เวลาใช้ Monk Weapon หรือมือเปล่า Ability Modifier ที่ใช้จะเป็น Str หรือ Dex ก็ได้อยู่ที่ว่าค่าไหนมากกว่ากัน เช่น Str12 Dex16 ก็จะได้โบนัส +3 แต่ถ้ากินยาได้ Str เป็น 21 ก็จะได้โบนัส +5 จาก Str แทนครับ
Martial Arts: Deft Strikes - เวลาใช้ Monk Weapon หรือมือเปล่า จะทำดาเมจ Bludgeoning 1-4 แต้ม ยกเว้นว่าดาเมจจากอาวุธนั้นจะแรงกว่า และค่านี้จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆจนถึง 1-8 หน่วยตอนเลเวล 9 เลยครับ
Martial Arts: Bonus Unarmed Strike - หลังจากใช้ Monk Weapon หรือมือเปล่าโจมตีแล้ว จะสามารถใช้ Bonus Action ในการโจมตีด้วยมือเปล่าได้อีก 1 ครั้ง


Abilities - เน้นเพิ่ม Dex และ Wis เป็นหลักเลยครับ เพราะทั้งสองอย่างนี้มันบวกดาเมจให้กับหมัดและเท้าของเราอย่างมาก อ่อ แล้วก็อย่าลืมอัพ Con ไว้ด้วยนะครับ และสำหรับคนที่เริ่มเล่นแต่แรก อาจจะต้องดัน Str เป็น 10-12 ไปก่อน เผื่อในกรณีที่ไม่มียา Elixir of Giant Strength ทั้งหลายไว้ใช้(หรือมีไม่พอ) ก็ยังสามารถใช้งานได้ไปก่อนครับ

Abilities
Score (Respec Lv12)
Score (สำหรับคนเพิ่งเริ่ม)
Strength
8
12
Dexterity
16
16
Constitution
15
14
Intelligence
8
8
Wisdom
17
16
Charisma
8
8

การอัพเกรดตัวละครที่ Level 02
Monk Lv2

การอัพคลาส Monk นี่ง่ายมากครับ แทบไม่ต้องเลือกอะไร ผมเลยว่าจะขออธิบายประโยชน์ของสกิลที่ได้มาแต่ละเวลไว้ตรงนี้แทนเลยละกันครับ

Unarmoured Movement - เมื่อคุณไม่ได้ใส่เกราะและโล่ จะสามารถเดินได้ไกลขึ้น 3 เมตร
Patient Defence - ใช้ Bonus Action และ Ki 1 แต้ม เพื่อให้ศัตรูที่โจมตีคุณ ติด Disadvantage และเราจะได้ Advantage สำหรับ Dex Saving Throw เป็นเวลา 1 เทิร์น
Step of the Wind: Dash - ใช้ Bonus Action และ Ki 1 แต้ม เพื่อให้ผลเหมือนเราใช้ Dash และสามารถกระโดดได้โดยไม่ใช้ Bonus Action
Step of the Wind: Disengage - ใช้ Bonus Action และ Ki 1 แต้ม เพื่อให้ผลเหมือนเราใช้ Disengage และสามารถกระโดดได้โดยไม่ใช้ Bonus Action

การอัพเกรดตัวละครที่ Level 03
Monk Lv3

Race - ถ้าคุณเลือกเผ่า Duergar แบบผม คุณจะได้สกิล Enlarge แบบไม่ต้อง Concentrate มาใช้ฟรี 1 ครั้ง / 1 Long Rest ครับ


Subclass - บังคับเลือก Way of the Open Hand ครับ เพราะเทียบกับอันอื่นแล้ว การใช้ Ki ของ Subclass นี้จะ Cost Effective มากกว่าเยอะมากครับ ... โดยในเวลนี้เราจะได้สกิล Flurry of Blows แบบอัพเกรดมาอีก 3 อย่าง นั่นก็คือ

Flurry of Blows: Topple - ใช้ Bonus Action และ Ki 1 แต้ม ในการโจมตีด้วยมือเปล่า 1 คอมโบ 2 ฮิท โดยฮิทที่ 2 มีโอกาสที่จะทำให้ศัตรูติด Prone ล้มลงไปได้
Flurry of Blows: Stagger - ใช้ Bonus Action และ Ki 1 แต้ม ในการโจมตีด้วยมือเปล่า 1 คอมโบ 2 ฮิท โดยฮิทที่ 2 มีโอกาสที่จะทำให้ศัตรูติด Stagger และใช้ Reaction ในเทิร์นนั้นไม่ได้
Flurry of Blows: Push - ใช้ Bonus Action และ Ki 1 แต้ม ในการโจมตีด้วยมือเปล่า 1 คอมโบ 2 ฮิท โดยฮิทที่ 2 มีโอกาสที่จะทำให้ศัตรูกระเด็นถอยหลังไป 5 เมตร

ซึ่งสกิล 3 อย่างนี้ จะมาเป็นตัวเลือกพิเศษให้กับสายนี้โดยเฉพาะครับ จะใช้ท่าไหนก็ขึ้นกับสภานการณ์เลย เช่น ทำให้ศัตรู AC สูงๆล้มลง จะได้ตีแล้วติด Advantage หรือจะผลักศัตรูให้ตกผาตายก็ได้ โดยแต่ละท่าใช้ Ki แค่ 1 แต้มเท่านั้น ยิ่งถ้าอัพบิ้วจนเต็มนะ บอกเลย คุ้มๆจุกๆ


อ่อ ลืมไปอีกอย่าง คือสกิล Deflect Missiles ครับ โดยเมื่อเราโดนโจมตีด้วยอาวุธระยะไกล เราจะสามารถใช้ Reaction ของเราลดดาเมจได้ 1-10 (+Dex Modifier + เวลMonk) หน่วย ซึ่งถ้าเราลดดาเมจเป็น 0 ได้ เราจะสามารถใช้ Ki 1 แต้ม ปากระสุนกับไปทำดาเมจใส่ศัตรูที่ยิงเราได้ด้วย เป็นท่าที่เท่ห์มากสำหรับการสวนกลับพวกระยะไกลครับ
การอัพเกรดตัวละครที่ Level 04
Monk Lv4

ในเวลนี้ คลาส Monk จะได้สกิลลดดาเมจ Falling ที่โดนลงครึ่งนึง ซึ่งก็ไม่ได้ใช้ประโยชน์อะไรหรอกครับ ยกเว้นว่าคุณจะชอบโดดจากที่สูงลงมาให้เจ็บตัว ก็อาจจะได้ใช้อยู่ครับ 5555+

Feat - แน่นอน บังคับจับมือกดหัวให้เลือก Tavern Brawler เท่านั้นเลย เพราะจะทำให้เราเอาค่า Str Modifier มาบวกให้กับดาเมจและ Attack Roll เวลาใช้มือเปล่าสองรอบ แถมยังสามารถเพิ่มค่า Str หรือ Con ได้ 1 แต้มด้วย ... ก็ให้เลือกเพิ่ม Con ให้เป็น 16 ไปครับ

การอัพเกรดตัวละครที่ Level 05
Monk Lv5

ในเลเวลนี้ เราจะได้ Extra Attack มาแล้ว ทำให้ตีได้ 2 ครั้งต่อ 1 Action Point แล้ว แถมยังได้สกิลดีๆเพิ่มมาด้วยนั่นคือ


Stunning Strike (Melee) - ใช้ Action Point และ Ki 1 แต้ม เพื่อเป็นการใช้อาวุธประชิดตีศัตรูและทำให้มีโอกาสติด Stun 1 เทิร์น
Stunning Strike (Unarmed) - ใช้ Action Point และ Ki 1 แต้ม เพื่อเป็นการใช้มือเปล่าต่อยศัตรูและทำให้มีโอกาสติด Stun 1 เทิร์น

ถ้าเราอัพดีๆ Save DC ของท่านี้จะสูงมากครับ อยู่ประมาณ 18-20 เลย ทำให้ศัตรูมีโอกาส Stun ได้เยอะมาก จนเปลี่ยนให้เราเป็นตัวทำ Stunlock สำหรับทีมไปเลยล่ะ เนื่องจากท่านี้ให้ Action Point ดังนั้น หลังจากใช้ท่านี้แล้ว คุณยังสามารถใช้ Bonus Action ตีศัตรูด้วย Flurry of Blows ต่อได้ ... แต่จริงๆมันควรจะต้องกลับกันนะครับ คุณควรจะต้อง Flurry of Blows ใส่ก่อนแล้วถ้าศัตรูหรือบอสตัวนั้นยังเหลือเลือดเยอะๆ ก็ให้ทำ Stun เพื่อล็อคเอาครับ แม้จะเปลือง Ki แต่ก็เป็นท่าที่จะทำให้บอสยากๆ กลายเป็นไฟท์โง่ๆไปได้เลยแหละ


Race - ถ้าคุณเลือกเผ่า Duergar แบบผม คุณจะได้สกิล Invisibility หายตัวเป็นเวลา 10 เทิร์น มาใช้ฟรี 1 ครั้ง / 1 ไฟท์ ครับ เป็นเวทย์หายตัวที่เอาไว้หนีเอาตัวรอดในยามคับขันหรือตอนหลุด Rage ได้ดีทีเดียวล่ะ หรือจะหายตัวไป Reposition ก็ยังได้ ก็ถือว่าเป็นของแถมที่คุ้มค่ามากๆเลยล่ะ

การอัพเกรดตัวละครที่ Level 06
Monk Lv6

ในเลเวลนี้เราจะได้สกิลที่จำเป็นมากๆมาหลายอย่างเลยครับ

Improved Unarmoured Movement - เป็นขั้นกว่าของสกิลเก่า เวลาไม่ได้ใส่เกราะหรือโล่ จะเดินได้ไกลขึ้นเป็น 4.5 เมตร
Ki-Empowered Strikes - อันนี้ดีมาก เพราะการโจมตีของเราจะนับเป็น Magical ซึ่งจะสามารถตีทะลุ Resistance ปกติที่กันดาเมจแบบ Non Magical ได้ ... พูดง่ายๆคือ ตีทะลุป้องกันกายภาพได้ประมาณนั้นครับ
Manifestation of Body, Mind, Soul - จริงๆอันนี้มันมี 3 อัน แต่ผมขอมัดรวมกันเลยเพราะมันให้ผลเหมือนกันแต่ต่างกันแค่คนละธาตุ ซึ่งพอเราเปิด Passive สกิลนี้ เราจะเลือกได้อย่างใดอย่างนึง (ธาตุ Necrotic, Radiant และ Psychic) และการโจมตีมือเปล่าของเราจะทำดาเมจธาตุที่เลือกได้ 1-4 ดาเมจ + Wis Modifier ของเรา
Wholeness of Body - สกิลจำเป็นมากๆเลยครับ ใช้ได้ 1 ครั้ง ต่อ 1 Long Rest โดยเมื่อใช้ จะทำการฮีลตัวเอง 18 แต้ม, ฟื้น Ki ครึ่งนึงของ Ki ทั้งหมด และได้ Bonus Action เพิ่ม 1 แต้ม เป็นระยะเวลา 3 เทิร์น ... เป็นไงครับ ของดีจัดๆเลยใช่มั๊ยล่ะ เอาไว้ใช้ตอนเจอไฟท์ยากๆได้เหมาะมากๆครับ

การอัพเกรดตัวละครที่ Level 07
Monk Lv7

ตอนนี้เราได้ของจำเป็นมาเกือบครบแล้ว ในเลเวล 7-8 นี้อาจจะไม่ได้มีสกิลจำเป็นอะไรมาก แต่ก็เป็นการเพิ่มค่า Ki Point สูงสุดให้เรา และเป็นทางผ่านเพื่อไปเอาสกิลจำเป็นในตอนเลเวล 9 ครับ

Evasion - โดยปกติถ้าคุณโดนเวทย์ที่ต้องใช้ Dex Save แล้วโรลผ่าน คุณจะโดนดาเมจครึ่งนึงอยู่ดี แต่ถ้ามีสกิลนี้ เวลาโรลผ่านจะโดนดาเมจเป็น 0 แทน (ถ้าไม่ผ่านจะโดนดาเมจครึ่งนึงแทน) ซึ่งเหมาะมากกับการรับมือพวกเวทย์โจมตีธาตุวงกว้างที่ใช้ Dex Save ทั้งหลายครับ
Stillness of Mind - เมื่อคุณโดนสถานะ Charmed หรือ Frightened คุณจะเสียแต้ม Action Point ในการร่ายสกิล Stillness of Mind เพื่อแก้สถานะทันที อาจจะเหมือนดี แต่ว่าเราจะเสีย Action Point ในเทิร์นนั้นไปเลยครับ แมปิดไม่ได้ด้วย ยังไงก็ระวังสถานะทั้งสองอย่างนี้ไว้ให้ดีละกันครับ

การอัพเกรดตัวละครที่ Level 08
Monk Lv8

ในเลเวลนี้ไม่ได้มีสกิลอะไรเป็นพิเศษ แต่เราจะได้ Feat มาอีกอันครับ

Feat - เลือก Ability Improvement แล้วเพิ่ม Wis+2 ได้เลยครับ

การอัพเกรดตัวละครที่ Level 09
Monk Lv9

และแล้วก็มาถึง Monk เลเวลสุดท้าย ที่เราจะได้สุดยอดวิชาแห่ง Open Hand มา นั่นก็คือ ...

Ki Resonation
ใช้ Action Point หรือ Bonus Action ในการต่อยหมัดอัดระเบิดเวลากำลังภายในเข้าไปในร่างของศัตรู ทำดาเมจแบบ Unarmed ปกติ และได้รับผลจากสกิล Extra Attack ด้วย แถมการต่อยนี้ก็ไม่ได้เสียค่า Ki Point แต่อย่างใด ทำให้เราสามารถใช้ท่านี้แทนการโจมตีด้วยมือเปล่าปกติได้เลย โดยพลังที่อัดไว้ในตัวศัตรูจะอยู่เป็นเวลา 10 เทิร์น, จนกว่าศัตรูจะตาย, หรือจนกว่าเราใช้ท่ากดระเบิดครับ

โดยเมื่อเราใช้ท่ากดระเบิด Ki Resonation: Blast แล้ว เราจะเสียค่า Ki Point 1 แต้มเพื่อแลกกับการระเบิดทำดาเมจ Force 3-18 หน่วยใส่ศัตรูแบบ AOE วงกว้างระยะ 5 เมตรได้ แถมเมื่อระเบิดนี้ไปโดนศัตรูที่มีระเบิด Ki Resonation อยู่ในตัวก็จะทำให้เกิดปฏิกิริยาระเบิดแบบลูกโซ่ไปด้วย ทำให้เราสามารถอัดระเบิดใส่ศัตรูหลายๆตัวแล้วกดระเบิดทีเดียวทำดาเมจวงกว้างใส่ศัตรูหลายๆตัวได้เป็นจำนวนมาก (ดูตัวอย่างในคลิปเทสรันได้ครับ) เป็นสกิลที่เอาไว้ใช้ในการโจมตีระยะประชิดได้ดีอย่างมาก ... มีข้อเสียเพียงอย่างเดียวคือ ไม่สามารถใช้ท่า Ki Resonation นี้โจมตีซ้ำใส่ศัตรูที่มีพลังระเบิดอยู่ในตัวอยู่แล้ว ทำให้ท่านี้เหมาะกับการโจมตีกลุ่มศัตรู แต่ไม่เหมาะกับการโจมตีศัตรูแบบดวลเดี่ยว 1V1 ครับ ซึ่งจุดนี้เรามี Flurry of Blows ทั้งสามท่ามากลบจุดนี้ให้ครับ

โดยรวมแล้วเป็นสกิล AOE สำหรับจัดการศัตรูเป็นกลุ่มได้ดีมากๆอันนึงเลยล่ะ

การอัพเกรดตัวละครที่ Level 10
Monk Lv9 / Barbarian Lv1

Class - ในเลเวลนี้ เราจะมัลติคลาสไป Barbarian ครับ ... โดยเราจะได้สกิล Rage และ Unarmoured Defence แบบเดียวกับ Unarmoured Defence ของ Monk แต่ใช้ค่า Con Modifier บวกเพิ่มเป็นโบนัสแทน

ประเด็นคือ Unarmoured Defence ของทั้งสองคลาสนี้ไม่ Stack กันครับ เอาแค่ตัวที่บวกมากสุดเท่านั้น แต่ที่ดีเพราะว่า Unarmoured Defence ของ Barbarian นี้จะยังเพิ่มอยู่ให้แม้เราถือโล่ ทำให้เราสามารถใช้โล่ในการเพิ่ม AC และใช้ประโยชน์จากสกิลต่างๆของโล่ได้ครับ

การอัพเกรดตัวละครที่ Level 11
Monk Lv9 / Barbarian Lv2

นี่เป็นอีกหนึ่งบิ้วที่อัพได้ง่ายมากจริงๆครับ เพราะในแต่ละเลเวลเราไม่ต้องเลือกอะไรเยอะเลย แต่ก็ยังได้สกิลที่ต้องการมาใช้ ... ในส่วนของเลเวลนี้เราจะได้สกิลชื่อ Reckless Attack มา ซึ่งจะทำให้เราโจมตีระยะประชิดและได้ Advantage สำหรับ Attack Roll ของการโจมตีในเทิร์นนั้นทั้งหมด แต่ศัตรูเองก็จะได้ Advantage เวลาโจมตีเราเช่นกัน ก็ถือว่าเป็นสกิลแถมสำหรับช่วยในการโจมตีแบบขว้างครับ

การอัพเกรดตัวละครที่ Level 12
Monk Lv9 / Barbarian Lv3

และแล้วก็มาถึงเลเวลสุดท้าย จริงๆถ้าคุณต้องการดาเมจจากการขว้างให้มากขึ้น ก็สามารถเลือก Subclass เป็น Berserker เพื่อเอาสกิล Enraged Throw ได้นะครับ แต่เนื่องจากบิ้วนี้มี Bonus Action แค่ 1 แต้ม ไม่ได้มี 2 แต้มตลอดแบบบิ้ว 007 และผมเองก็อยากได้ความตื่นเต้นของการสุ่มกาชาเล็กๆ เลยบิ้วไปทางนี้แทนครับ

Subclass - Wild Magic เลยครับ เพราะมันจะแทนที่ Rage ด้วย Rage: Wild Magic แทน ซึ่งการเปิด Rage ในแต่ละครั้ง จะสุ่มบัฟต่างๆให้เรา 1 อย่างจากทั้งหมดดังนี้
  • Weapon Infusion - บัฟดาเมจ Force ให้กับอาวุธเรา 1-6 หน่วย แถมยังทำให้อาวุธเราเบาและขว้างได้ แถมอาวุธยังกลับมาหาเราเองแบบ Homing Weapon ด้วย เหมาะกับสายขว้างมากๆครับ แต่บิ้วนี้ใช้ค้อน Dwarven Thrower ที่มี Stat พวกนี้อยู่แล้ว เลยไม่ได้มีผลอะไรมาก
  • Magic Retribution - สะท้อนดาเมจ Force 1-6 หน่วยใส่ศัตรูที่โจมตีเราทุกตัว ไม่ว่าจะโจมตีระยะใกล้หรือไกล เป็นอีกหนึ่งบัฟที่โอเคมากๆสำหรับสาย Tank ครับ
  • Protective Lights - เพิ่ม AC+1 ให้เราและเพื่อนในระยะ 3 เมตร เป็นอีกหนึ่งบัฟที่โอเคสำหรับสาย Tank ครับ
  • Intangible Spirit - ใช้ Bonus Action ปล่อยแมงกระพรุนระเบิดเวลาทำดาเมจ Force 1-6 หน่วยใส่ศัตรูในระยะ 4.5 เมตรในตอนที่จบเทิร์นของเรา เป็นอีกสกิลที่ใช้ได้สนุกมากๆครับ เสียดายที่ตอนผมเล่นมันไม่ค่อยสุ่มออกมาให้ใช้เท่าไหร่ เป็นบัฟที่เหมาะกับบิ้วระเบิดเวลาอันนี้มากๆครับ
  • Bolt of Light - ใช้ Bonus Action ยิงแสงทำดาเมจ Radiant 1-6 หน่วยใส่ศัตรูและสามารถทำให้ศัตรูติดสถานะตาบอดได้
  • Vine Growth - งอกต้นไม้เถาวัลย์ขึ้นมาพัวพันศัตรูในระยะ 4.5 เมตรจากตัวเรา ทำให้ศัตรูเคลื่อนที่ช้าลง แต่ไม่มีผลกับตัวเรา
  • Teleport - ใช้ Bonus Action ในการเทเลพอร์ตวาร์ปไปมาได้ในระยะ 18 เมตร เป็นอีก 1 บัฟที่ดีมากๆสำหรับการเคลื่อนที่ไปจุดต่างๆในสนามรบครับ
  • Dark Tendrils - ปล่อยพลังมืดทำดาเมจ Necrotic 1-12 หน่วยใส่ทุกคนรอบตัวในระยะ 9 เมตรรอบตัวเรา และยังทำให้เราได้เลือดสำรองเป็นจำนวน 1-12 หน่วยด้วย ก็ถือว่าเป็นบัฟทำดาเมจแบบ AOE ที่ดี เสียแค่มันจะโดนพวกเดียวกันด้วยนี่แหละครับ
ส่วนจะสุ่มได้บัฟไหนนั้น ก็แล้วแต่ดวงคุณเลยครับ อ่อ ในเลเวลนี้เราจะได้สกิลอีกอย่างที่ชื่อว่า Magic Awareness ที่จะทำให้เราและเพื่อนในระยะ 3 เมตรได้โบนัส Proficiency ในการ Saving Throw จากเวทย์ของศัตรูเป็นเวลา 1 เทิร์น ก็ไม่ได้ดีมากและไม่ค่อยได้ใช้เท่าไหร่ครับ

Equipment อุปกรณ์สวมใส่ที่จำเป็น
MINOR SPOILER ALERT!!!

สำหรับอุปกรณ์สวมใส่ที่จำเป็นนี่ ยังไงก็คงหลีกเลี่ยงการสปอยได้ยาก ... แต่ก็เช่นเดิม ผมจะทำแถบปิด Spoiler เอาไว้ และจะ Spoil ให้น้อยที่สุดครับ

หากใครกลัวพลาดหรือแค่อยากรู้ว่าชิ้นไหนทำอะไรได้บ้างจริงๆ ให้ข้ามไปดูสรุปข้อมูลได้เลย

Helmet ส่วนหัว/หมวก
Mask of Soul Perception

หาได้จาก Devil's Fee ในเมือง Baldur's Gate ที่ Act 3 ... อยู่ในหีบชั้นบนที่เราจะเจอวงเวทย์สำหรับวาร์ปไป House of Hope และต้อง Picklock ผ่าน DC20 เพื่อเปิดหีบ

Cloak ส่วนผ้าคลุม
Cloak of Protection

หาซื้อได้จาก Quartermaster Talli ที่ Last Light Inn ใน Act 2

Armor/Clothing ส่วนเกราะ/ชุด
Vest of Soul Rejuvenation

หาซื้อได้จาก Sorcerous Sundries ใน Act 3 ... ขายโดยร่างจำแลงของ Lorroakan หรือ Rolan ถ้ายังเขายังมีชีวิตรอดจาก Act 1 และ 2 มาได้

Gloves ส่วนถุงมือ
Gauntlets of Frost Giant Strength

ได้จาก House of Hope ใน Act 3 อยู่ในห้องโชว์ Artifact ที่เดียวกันกับ Orphic Hammer

Boots ส่วนรองเท้า
Boots of Uninhibited Kushigo

หาได้จาก Astral Plane ในตอนเริ่ม Act 3 ... ดรอปจาก Githyanki Monk ตัวนึงที่เราต้องไปช่วย The Emperor สู้

Amulet ส่วนสร้อยคอ
Amulet of Greater Health

ได้จาก House of Hope ใน Act 3 อยู่ในห้องโชว์ Artifact ที่เดียวกันกับ Orphic Hammer

Sentient Amulet (Very Rare)

ได้เป็นรางวัลหลังจบเควส Help the Cursed Monk ใน Rivington ที่ Act 3 … โดยเราต้องได้สร้อยนี้จาก Underdark ที่ Act 1 และคุยกับวิญญาณในสร้อยเพื่อรับเควสก่อน โดยในตอนนั้นสร้อยนี้ก็สามารถใช้งานได้แต่เป็นแค่ระดับ Rare ที่ฟื้นค่า Ki ได้น้อยกว่าเวอร์ชั่นนี้ แถมยังมีโอกาสทำให้เราติดดีบัฟขำได้ ทำให้ใช้งานจริงได้ยากครับ ควรรอใช้ตอนทำเควสนี้เสร็จดีกว่า

Rings ส่วนแหวน
Ring of Protection

หาได้จาก Druid Grove ใน Act 1 ... เป็นรางวัลของเควส Steal the Sacred Idol ของ Mol หลังจากที่เราไปขโมยรูปปั้นมาให้เธอแล้ว

Ring of Flinging

หาซื้อได้จาก Arron ที่ Druid Grove ใน Act 1

Melee Weapon ส่วนอาวุธประชิด
Dwarven Thrower

หาซื้อได้จาก Ferg Drogher ที่ Rivington ใน Act 3 … โดยตอนที่เราจะไปซื้อของ ห้ามเอา Shadowheart เข้าทีมนะครับ ไม่งั้นเนื้อเรื่องของน้องจะเดินแล้ว Ferg จะหายตัวไปเลยหลังเราคุยจบ ดังนั้น ซื้อของช้อปปิ้งให้เสร็จก่อนครับ

Shield ส่วนโล่
Swires' Sledboard

หาซื้อได้จาก Exxvikyap ที่ Rivington General ใน Act 3

Range Weapon ส่วนอาวุธระยะไกล
Hellrider Longbow

หาซื้อได้จาก Ferg Drogher ที่ Rivington ใน Act 3 … โดยตอนที่เราจะไปซื้อของ ห้ามเอา Shadowheart เข้าทีมนะครับ ไม่งั้นเนื้อเรื่องของน้องจะเดินแล้ว Ferg จะหายตัวไปเลยหลังเราคุยจบ ดังนั้น ซื้อของช้อปปิ้งให้เสร็จก่อนครับ
สรุปความจำเป็นของอุปกรณ์แต่ละชิ้น
Mask of Soul Perception - ใส่เพื่อเพิ่ม Attack Rolls+2 และ Initiative+2 และยังได้เวทย์ Detect Thoughts ไว้ใช้ฟรี 1 ครั้ง / 1 Short Rest ด้วย ... สำหรับใครที่ไม่ได้เล่นเผ่า Dwarf ก็อาจจะใส่หมวก Mask of the Shapeshifter ที่ได้จาก Deluxe Edition (หรือยืมเพื่อนที่ซื้อมาใส่) แล้วใช้จำแลงกายเป็นเผ่า Dwarf เอาก็ได้ครับ
Cloak of Protection - ใส่เพื่อเพิ่ม AC+1 และ Saving Throw +1
Vest of Soul Rejuvenation - ใส่เพื่อเพิ่ม AC+2 และได้สกิล Greater Kushigo Counter เอาไว้ใช้ Reaction ในการเค้าน์เตอร์ใส่ศัตรูที่โจมตีระยะประชิดวืดใส่เราได้ ถือเป็นอีกหนึ่งของดีสำหรับสาย Monk ครับ
Gauntlets of Frost Giant Strength - ปรับ Strength ของเราให้เป็น 23 เป็นเหตุผลที่บิ้วนี้ผมลด Str ลงไปเหลือ 8 เป็นของเทพอีกอย่างที่หาได้ในช่วง Endgame ครับ
Boots of Uninhibited Kushigo - นี่ก็คือของเทพอีกชิ้นของสาย Monk เลย เพราะจะเพิ่ม Wis Modifier เข้าไปให้กับดาเมจการโจมตีด้วยมือเปล่าของเรา ผมถึงพยายามให้เน้นอัพ Wis ไว้ครับ
Amulet of Greater Health - ปรับ Constitution ของเราให้เป็น 23 ของดีที่ต้องมีไว้ในครอบครอง
Sentient Amulet (Very Rare) - หากคุณไม่ใส่สร้อย Amulet of Greater Health หรือเพื่อนอาจจะต้องการสร้อยนั้นมากกว่าคุณ ก็สามารถใส่สร้อยนี้แทนได้ครับ โดยเอาไว้ฟื้นค่า Ki ได้ 1-8 หน่วย (เพราะเราอัพ Monk มา 9 เลเวล) และยังมีเวทย์ Shatter ให้ใช้ฟรี 1 ครั้งเมื่อตอนที่เราไม่ได้ Rage ด้วย ก็ถือเป็นของแถมไปครับ เพราะหลักๆเราแค่ต้องการสกิลในการฟื้นค่า Ki ของเราแค่นั้นเอง
Ring of Protection - ใส่เพื่อเพิ่ม AC+1 และ Saving Throw +1
Ring of Flinging - ใส่เพื่อเพิ่มดาเมจตอนขว้างอาวุธ 1-4 หน่วย ใช้ได้ดีมากกับบิ้วนี้ เพราะหาซื้อได้ตั้งแต่เริ่มเกมแรกๆเลย
Dwarven Thrower - ค้อนเทพสำหรับเผา Dwarf ที่เล่นสายขว้างโดยเฉพาะ เพราะเมื่อใช้ขว้างโดยเผ่านี้ จะเพิ่มดาเมจ Bludgeoning 1-8 หน่วย และถ้าศัตรูมีขนาด Large ขึ้นไป จะทำดาเมจ Bludgeoning 2-16 หน่วยแทน แถมอาวุธนี้ยังเป็น Homing Weapon ที่จะกลับเข้ามือผู้ขว้างเองทุกครั้งด้วย เป็นอาวุธ Must Have สำหรับสายขว้างเลยครับ
Swires' Sledboard - ใส่เพื่อให้ได้ AC+2 และเอาสกิล Shield Conduit ซึ่งจะสร้าง Force Conduit 1 แต้มทุกๆเทิร์นของเรา โดย Force Conduit จะลดดาเมจกายภาพที่เราโดนลงตามจำนวนแต้มของมัน สูงสุดที่ 7 แต้ม ... ใช้คู่กับตอน Rage ได้ดีเพราะเราจะโดนดาเมจกายภาพลดลงครึ่งนึงอยู่แล้ว ทำให้มีโอกาสที่จะลดดาเมจที่โดนลงเยอะมากจนเกือบเป็น 0 เลยครับ
Hellrider Longbow - ใส่เพื่อเอา Initiative+3 ทำให้เราได้ตาเดินก่อนชาวบ้าน(และศัตรู) และมีโอกาสทำให้ศัตรูที่โดนธนูยิง ติดสถานะ Faerie Fire ได้ 1 ครั้งต่อเทิร์นด้วย
Items อื่นๆที่จำเป็นสำหรับบิ้ว
Elixir of Bloodlust

ยาเทพที่ทุกคนต้องมี ผลของมันคือ เมื่อฆ่าศัตรูได้ จะได้ Action Point คืนมา 1 แต้ม มีผล 1ครั้ง/1เทิร์น นั่นหมายความว่า ถ้าคุณฆ่าศัตรูได้ในเทิร์นนั้น คุณจะขว้างอาวุธหรือต่อยหมัดระเบิดฟรีได้อีก 2 ครั้งครับ ยกเว้นเล่นโหมด Honour ที่ Action Point นี้จะไม่ได้ผลจาก Extra Attack ทำให้ขว้างเพิ่มได้ 1 ครั้งเท่านั้นในโหมดนี้


Potion of Speed

เนื่องจากบิ้วนี้ พอเข้า Rage แล้วจะไม่สามารถใช้ Concentrate ใดๆได้ และถ้าคุณไม่มีเพื่อนคอยร่าย Haste ให้ ยานี้จึงเหมาะมากสำหรับบิ้วนี้ครับ ... แต่ต้องใช้อย่างระวังนะ เพราะถึงมันจะให้ผลเหมือน Haste แต่อยู่ได้ 3 เทิร์นเท่านั้นครับ
Illithid Powers & Passive Bonus ที่จำเป็น
MAJOR SPOILER ALERT!!!

จริงๆบิ้วนี้ถึงไม่ใช้ Illithid Powers ก็สามารถเล่นได้ครับ (ดูได้จาก Solo Test ในหมวดโบนัสครับ) แต่ Permanent Buff เพิ่ม Wis+3 นี่ ยังไงก็จำเป็นครับ ซึ่งเหมือนเดิม ผมจะแบ่งออกเป็นสองส่วนหลักๆก่อน คือ 1.Illithid Powers ที่แนะนำและ 2.Permanent Passive Buff ที่จำเป็นสำหรับบิ้วนี้ อะไรที่ไม่จำเป็นผมจะไม่พูดถึงละกันนะครับ

Illithid Powers ที่แนะนำให้ใช้กับบิ้วนี้

Luck of the Far Realms
เมื่อเราโจมตีศัตรูโดน จะสามารถบังคับติด Critical ได้ ใช้ได้ 1 ครั้ง / 1 Long Rest ถือว่าเป็นสกิลที่จำเป็นสำหรับสายโจมตีทุกบิ้วเลยครับ
Cull the Weak
เมื่อเราลดเลือดศัตรูให้ต่ำกว่าจำนวน Tadpole ในหัวเรา ศัตรูจะตายทันทีและระเบิดทำดาเมจพลังจิตใส่ศัตรูใกล้เคียงอีก 1-4 หน่วย เป็นสกิลที่ดีมาก สำหรับคนที่ใช้พลังของ Tadpole เยอะๆอยู่แล้ว เพราะถ้าคุณอัพเกรดจนครบ แค่คุณลดเลือดศัตรูลงมาเหลือแค่นิดหน่อยก็สามารถฆ่าศัตรูตัวนั้นได้ทันที พูดง่ายๆคือ ยิ่งใช้หนอนมาก สกิลนี้ก็ยิ่งได้ผลดีมากขึ้น และบอกลาความเซ็งตอนศัตรูเหลือเลือด 1 ไปได้เลย
Fly
อีกสกิลที่ตรงตามตัวเป๊ะๆเลย ทำให้เราสามารถเคลื่อนที่ได้ดีกว่าเดินปกติมากๆ ซึ่งสกิลนี้จะได้มาฟรีๆ เมื่อเรายอมเปิดใจรับพลังจาก Astral Tadpole ที่ได้จาก The Emperor ในตอนต้น Act 3 ครับ (แต่ต้องยอมลดสวยลดหล่อ มีเส้นเลือดดำขึ้นหน้านะ 5555)

Permanent Passive Buff ที่จำเป็นกับบิ้วนี้

ถ้าอยากให้บิ้วนี้แรงสุด ก็ควรจะเอาให้เต็มนะครับ แต่ถ้าพลาดไปก็ไม่เป็นไร เพราะต่ำสุดที่เราจะเพิ่ม Wis ได้เป็น 18 ก็ยังถือว่าพอได้อยู่ครับ

[Act 1] Abilities+1 จากหนังหัวของป้าแม่มด Ethel
ได้จากการปราบป้า Ethel ในรังแม่มดที่ Act 1 ก่อนป้าจะตายจะทำการต่อรองให้เราไว้ชีวิตโดยแลกกับหนังหัวเพิ่มค่า Abilities ค่าใดค่าหนึ่ง จำนวน 1 แต้มครับ ... ลองดูความจำเป็นคนในทีมด้วยก็ดีครับ

แต่บิ้วนี้จำเป็นต้องเอานะครับ เพื่อเอามาเพิ่ม Wis+1 ให้กลายเป็น 18 แต้ม จะได้ลงเลขคู่ครับ หากไม่ได้ก็ให้ Respec Wis ตอนแรกให้เหลือเป็น 16 แทน (จะได้ Wis สูงสุดที่ 20 แทนที่จะเป็น 22)

[Act 3] Abilities+2 จากกระจก Mirror of Loss
หลังจากทำเควสของ Shadowheart ใน House of Grief แล้ว เข้าไปห้องด้านในที่เจอพ่อแม่ของน้อง จะมีกระจก Mirror of Loss อยู่ ตรงนี้ผมแนะนำให้เซฟไว้ก่อนนะครับ เพราะกระจกนี่ต้องผ่าน Skill Check หลายรอบมาก ผมจะเรียงไว้ให้คร่าวๆประมาณนี้
1. การ Activate กระจก ต้องผ่าน Skill Check สองอย่างคือ Religion (DC20) และ Arcana (DC25)
2. หลัง Activate กระจกแล้ว คนที่จะเพิ่ม Stat ต้องผ่าน Skill Check Religion (DC25) ของใครของมันเป็นรายบุคคลไป
3. หลังจากผ่านเช๊คทั้งหมดแล้ว เราจะสามารถมอบ Abilities 1 ใน 6 อันไหนก็ได้ของเราให้กับกระจก 2 แต้ม แล้วจะสามารถเลือกเพิ่ม Abilities 1 ใน 6 อันไหนก็ได้ของเรา 2 แต้มแทน เช่น คุณอาจะแลก Wis-2 แล้วเอา Cha+2 แทน
4. หลังจากเลือกได้แล้ว ให้ใช้ Remove Curse ลบคำสาปที่โดน -2 อยู่ ก็จะทำให้เรามีบัฟ +2 Abilities ที่เราเลือกไว้ฟรีๆอย่างถาวรครับ
5. ทำซ้ำข้อ 2-4 กับตัวละครอื่นๆได้ ยกเว้นจะเฟล Skill Check คนนั้นจะอดบัฟนี้ไปเลยถาวรครับ

ข้อนี้ให้เราเลือก Wis+2 ไปเลยครับ

จากสองข้อด้านบน ถ้าเราเลือกเพิ่ม Wis ทั้งหมด จะมี Wis สูงสุดที่ 22 และได้ Wis Modifier +6 ครับ
วิธีการเล่นของบิ้วนี้โดยละเอียด
Role และแนวทางการเล่น
บิ้วนี้ชัดเจนมากๆว่าเป็น Role แบบ Damage Dealer เพียวๆครับ แต่สามารถเป็นได้ทั้ง Melee DPS และ Range DPS เลย ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ที่เจอ เช่น ถ้าศัตรูอยู่ไกล เราก็สามารถขว้างค้อนใส่ทำดาเมจได้ 30+ หน่วยต่อครั้ง ถ้าศัตรูอยู่ใกล้ จะจัดการด้วย Flurry of Blows, Stunning Strike หรือ Ki Resonation Punch ก็ได้ และไม่ว่าจะทำดาเมจแบบไหนก็สามารถทำดาเมจต่อฮิทได้ 30+ หน่วย เรียกว่าเป็นอีกบิ้วที่มีดาเมจรุนแรง แถมยังมีสกิลในการโจมตีทั้งใกล้ไกล โจมตีระยะกว้าง และโจมตีทำดาเมจรุนแรงใส่ศัตรู 1 ตัวก็ได้ มีครบจบในบิ้วเดียวเลย

แต่บิ้วนี้มีหลักการ Configuration หรือการจัดการถือของนิดหน่อยนะครับ เพื่อให้ท่านผู้อ่านเข้าใจได้ง่ายๆ ผมจะทำตารางเป็นแบบๆไว้ประมาณนี้

ลำดับที่
รูปแบบการ Configuration
AC
Bonus ที่ได้รับ
1
1H Hammer + Shield + Con23 Amulet
25
สกิล Force Conduit จากโล่, เลือดที่เยอะขึ้น
2
1H Hammer + Shield + Ki Amulet
22
สกิล Force Conduit จากโล่, ฟื้นค่า Ki ได้ 1-8 หน่วย
3
2H Hammer + Ki Amulet
23
ฟื้นค่า Ki ได้ 1-8 หน่วย

ซึ่งการจัดของในแบบที่ 1 จะเป็นแบบที่ดีที่สุด แต่หากคุณต้องแบ่งสร้อยไปให้เพื่อนให้ ก็สามารถจัดให้อยู่ในรูปแบบที่ 2 หรือ 3 ได้ ขึ้นอยู่กับว่าคุณอยากได้ Force Conduit ไว้ลดดาเมจกายภาพเพิ่มในแบบที่ 2 หรือ AC มากขึ้น 1 หน่วยในแบบที่ 3 ครับ

การเตรียมพร้อมแบบ Step by Step
1. กินยา Elixir of Bloodlust
สรรพคุณตามที่แจ้งไว้แล้วครับ เท่ากับว่าถ้าคุณฆ่าศัตรูได้ในเทิร์นนั้น คุณจะโจมตีเพิ่มได้อีก 2 ทีเลย
2. กดเปิด Passive สกิล Manifestation of Mind เพื่อเพิ่มดาเมจ Psychic/Necrotic/Radiant
จำเป็นมากครับ ต้องกดเปิดไว้นะ ... ถ้าคุณอยากได้ดาเมจเพิ่มอีกแบบบิ้ว 006 ก็ให้พก Resonance Stone และเปิดดาเมจ Psychic ไว้ครับ แต่ถ้าเจอกับพวกที่ต้านทานพลังจิต ก็เปลี่ยนไปเป็น Necrotic หรือ Radiant เอาครับ
3. ร่าย Enlarge ขยายร่างก่อนเข้าการต่อสู้ (Optional)
ถ้าคุณเล่นเผ่า Duergar ก่อนเข้าไฟท์โหดๆก็ให้ขยายร่างรอไว้ได้เลยครับ ถึงแม้ดาเมจเพิ่ม 1-4 หน่วยอาจจะดูไม่เยอะ แต่พอรวมๆกันทั้งไฟท์ในเวลา 10 เทิร์นที่อยู่ได้แล้ว ก็ไม่ใช่น้อยๆนะ

การใช้งานบิ้วนี้ในการต่อสู้แบบ Step by Step
1. กดใช้สกิลเข้าโหมด Rage: Wild Magic ตอนอยู่ในระยะขว้าง
อันนี้จำเป็นนิดนึงครับ เพราะโหมดนี้เวลาเราไม่ได้โจมตีศัตรู มันหลุดโหมดเร็วกว่าปกติ ดังนั้น คุณต้องมั่นใจว่า เปิดโหมดนี้แล้ว คุณต้องสามารถโจมตี(ขว้าง)ใส่ศัตรูได้ ... การเข้าโหมดนี้จะเพิ่มดาเมจตอนขว้างและลดการโดนดาเมจกายภาพให้เราด้วย ยังไงก็ต้องเข้าก่อนจะเริ่มโจมตีครับ แแถมในบิ้วนี้เรายังจะได้สุ่มบัฟไว้ใช้หลังเปิดโหมดนี้ด้วยนะ
2. โจมตีศัตรูและฆ่าให้ได้อย่างน้อย 1 ตัว เพื่อให้ผลของยา Bloodlust ทำงาน
เป็นสิ่งแรกๆที่ควรทำก่อนเลย ข้อนี้ผมแนะนำให้เน้นตัวที่เลือดน้อยๆ หรือพวกนักเวทย์ก่อนเพื่อเอา Action Point ฟรีจากผลของยา Bloodlust ครับ
3. โจมตีจัดการศัตรูที่เหลือให้หมด
ตรงข้อนี้ผมขอแยกย่อยวิธีต่างๆตามสถานการณ์ที่คุณสามารถพบเจอได้ ตามนี้ครับ
3.1 กรณีที่ศัตรูอยู่ห่างจากเรา
ในกรณีนี้ให้ใช้การขว้างค้อนใส่ศัตรูเพื่อทำดาเมจระยะไกลครับ
3.2 กรณีที่ศัตรูอยู่ในระยะใกล้ มีจำนวนน้อยหรือเป็นพวกศัตรูเก่งๆระดับบอส
ให้ใช้ Flurry of Blows ในการทำดาเมจ หรือ Stunning Strike ในการทำ Stun ล็อคใส่ศัตรูก็ได้ครับ
3.3 กรณีที่ศัตรูอยู่ในระยะใกล้ และมีจำนวนมาก
ให้ใช้ Ki Resonation Punch ใส่ศัตรูทุกตัวรอบๆเรา จากนั้นให้กดระเบิด Blast เพื่อทำดาเมจใส่ศัตรูทุกตัวในระยะไปเลยครับ ได้ผลดีมากๆเมื่อถูกศัตรูรุมล้อมเลยล่ะ
4. กินยา Potion of Speed เพื่อเพิ่ม Action Point 1 แต้ม (Optional)
เพราะบิ้วนี้เราไม่สามารถใช้เวทย์หรือ Concentrate ขณะ Rage ได้ ทำให้ต้องพึ่งยาอันนี้แทนครับ แต่ตอนใช้ต้องระวังด้วยนะเนื่องจากอยู่ได้แค่ 3 เทิร์น แถมพอยาหมดฤทธิ์แล้วจะติดมึน 1 เทิร์น ซึ่งอาจจะทำให้เราหลุด Rage ไปเลย ก่อนใช้ก็ควรระมัดระวังจุดนี้ไว้ด้วยครับ

จริงๆแล้วยังมีวิธีการเล่นที่มากกว่านี้เช่น การพก Resonance Stone เพื่อทำให้ศัตรู (และพวกเราเอง) ในระยะ 9 เมตรโดนดาเมจ Psychic แรงขึ้นสองเท่า, การใช้ Subclass Berserker แทน ทำให้เราสามารถโจมตีด้วยการขว้างด้วย Bonus Action ได้, หรือการผสมผสานการใช้สกิลจาก Wild Magic ในการจัดการศัตรู ซึ่งตรงนี้ผมก็เขียนให้ครอบคลุมได้ไม่หมดเพราะมันสุ่มและมีหลากหลายแนวทางมากครับ ... ที่อธิบายไว้ข้างต้นคือรูปแบบที่เรียบง่ายที่สุดที่ผมได้ลองใช้มาแล้ว หากท่านใดมีวิธีเล่นแบบแปลกๆแหวกแนว ก็อย่าลืมเอามาแบ่งปันกันบ้างนะครับ
Conclusion
จบกันไปอีกบิ้วแล้วนะครับ ไม่น่าเชื่อว่าเกมนี้จะออก Full Release มาเกือบ 1 ปีแล้ว และก็ไม่น่าเชื่อว่าเรายังเล่นเกมนี้กันอยู่นานขนาดนี้ แม้เกมนี้จะเป็น Turn-Based หรือ cRPG ที่ใช้ภาษาเยอะ ชนิดที่เรียกได้ว่าเป็นกำแพงสำหรับคนไทยมือใหม่ที่ไม่ใช่แฟนเกมแนวนี้ แต่ผมก็เห็นผู้เล่นใหม่ในคอมมูเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และที่สำคัญผมเห็นทุกคนมีความสุขกับการเล่นเกมนี้ สมกับเป็น Game of the Year 2023 และเกมที่เรารักจริงๆครับ

เอาล่ะ จบการอวยเกมไว้ก่อน นี่ก็ปาไป 29 บิ้ว ใกล้ครบตามเป้า 30 บิ้วที่ผมตั้งไว้แล้ว ซึ่งตอนนี้ไอเดียทั้งหลายของผมก็เริ่มตันๆแล้วครับ เห็นได้จากบิ้วหลังๆมาที่ผมจะเน้นการผสมจุดเด่นของสองบิ้วมารวมกันเป็นบิ้วเดียว อันนี้คือสัญญาณของการหมดมุกนั่นเองครับ 555+ แต่ถึงผมจะทำครบ 30 บิ้วแล้ว ถ้ามีไอเดียหลงเหลืออยู่ ผมก็จะทำบิ้วไกด์มาลงให้เรื่อยๆแน่นอนฮะ

ขอให้ทุกท่านสนุกสนานกับวิชาหมัดระเบิดและการขว้างค้อน ไว้พบกันใหม่บิ้วไกด์หน้าครับผม
Bonus รวมคลิปการบิ้ว วิธีเล่น และเทสรัน
สำหรับใครที่ขี้เกียจอ่านเรียงความยาวๆของผมนะครับ ลองดูในคลิปด้านล่างได้เลย ผมทำเผื่อไว้ให้แล้ว ... สามารถพูดคุยสอบถามได้จากในคลิปหรือในไกด์นี้ได้เลยนะครับ

คลิปการทำบิ้วตั้งแต่ Level 01-12


คลิปวิธีเล่นแบบคร่าวๆและอุปกรณ์ที่ใช้


คลิป Tactician Solo Test Run

Link Guide&Build อื่นๆที่ผมได้ทำไว้
สำหรับใครที่ขี้เกียจเลื่อนหา หรืออาจจะหาไกด์ไหนไม่เจอ ลองกดไปดูในสารบัญรวมเล่มนี้ได้เลยครับ
https://steamcommunity.com/sharedfiles/filedetails/?id=3140547253