Baldur's Gate 3

Baldur's Gate 3

Not enough ratings
[BG3] Build#027 ผู้บัญชาการนักแม่นธนูอยู่เคียงข้างคุณ
By Kingreader-K
บิ้ว Endgame (Act 3 Lv12) สำหรับผู้ชอบบิ้วแบบหัวหน้าทีมผู้นำทางไปสู่ชัยชนะ ทั้งเก่งกาจและบัฟเพื่อนได้ในเวลาเดียวกัน โดยไกด์นี้ จะอธิบายการทำบิ้ว, อุปกรณ์ที่จำเป็น, และวิธีการเล่นให้อย่างละเอียดระดับโมเลกุล

อ้างอิงจากเกม Version 4.1.1.5022896 (Patch 6 Hotfix 25)
   
Award
Favorite
Favorited
Unfavorite
Introduction & Overview
คุณเคยอยากสวมบทบาท เล่นเป็นหัวหน้าทีมผู้มีฝีมือในการต่อสู้หรือไม่?
คุณชอบการบัฟที่ทำให้เพื่อนๆในทีมเก่งขึ้นมั๊ย?
และคุณเคยเบื่อที่จะคลุกวงใน อยากสั่งการอยู่แนวหลังแทนหรือไม่?


สวัสดีทุกท่านรอบที่ 27 นะครับ กับบิ้วไกด์ที่ 27 ของผม Kingreader-K บอกเลยว่าช่วงนี้หายไป ไม่ใช่เพราะงานเยอะอย่างเดียว แต่เริ่มหมดมุกในการปั้นบิ้วแล้วครับ 5555 วันนี้เลยมากับบิ้วในไอเดียที่อยากทำมาซักพักแล้ว นั่นก็คือ บิ้วสายผู้บัญชาการรบ บัฟให้เพื่อนๆเทพขึ้น แต่ก็ยังเก่งพอจะ Solo ได้ นั่นเองครับ

บางคนคง เอ๊ะ! บัฟให้เพื่อนได้ แต่ทำไมต้อง Solo ??? สรุปจะเดี่ยวหรือจะไปกับเพื่อน? คำตอบคือ ได้ทั้งสองอย่างครับ หากคุณเอาแต่บัฟเพื่อนจนไม่สามารถทำดาเมจด้วยตัวเองได้ DPS รวมของทีมก็จะลดลงอย่างมาก กลับกันถ้าคุณเน้นเก่งด้วยตัวเองเดี่ยวๆเลย แล้วมันจะเป็นบิ้วผู้บัญชาการได้ยังไงล่ะ ... ไม่ต้องกังวลครับ เพราะบิ้วนี้ของผม คุณจะสามารถเล่นได้ทั้งสองแบบเลย

จริงๆแล้ว บิ้วนี้จะมีความคล้ายคลึงกับบิ้ว 004 ที่เป็นบิ้วซัพพอร์ตทีมเช่นกัน แต่บิ้ว 027 นี้จะลดเรื่องการใช้เวทย์มนต์แล้วไปเพิ่มความสามารถในการโจมตีแทน ซึ่งก็ถือว่าเป็นการแลกเปลี่ยนที่คุ้มค่าอยู่ครับ เพราะคุณจะได้ความสามารถในการโจมตีที่สูงขึ้นแต่ก็ยังสามารถร่ายเวทย์ได้ถึงระดับเวล 3 แบบ Half Caster เลยนะ

สำหรับคนที่อยากได้บิ้วที่เป็นคนคุย ไม่ได้เป็นแฟนซักที ... โทษครับ ผิดๆ เป็นคนนำทีมคอยคุยและคอยบัฟซัพพอร์ตเพื่อนร่วมทีมแล้วล่ะก็ บิ้วนี้ตอบโจมย์คุณแน่นอนครับผม

การสร้างตัวละครที่ Level 01
Fighter Lv1

Origin/Race/Sub-Race - อะไรก็ได้ครับ ไม่ได้มีเผ่าไหนมีสกิลอะไรที่เหมาะกับบิ้วนี้เป็นพิเศษ

Class - Fighter ก่อนเลย เพราะเราจะได้ Proficiency ให้กับ Str และ Con Saving Throw แถมยังสามารถใช้อาวุธและชุดเกราะทุกอย่างในเกมได้ตั้งแต่เริ่มต้นเลย


Fighting Style - บังคับเลือก Archery ครับ เพราะจะทำให้เรากลบจุดอ่อนจากสกิล Sharpshooter: All-In ได้ คือ เราจะได้ +2 Attack Roll ของอาวุธระยะไกล หักลบกลบหนี้แล้ว ก็เหมือนเราติด -3 Attack Roll แต่ได้ดาเมจเพิ่ม 10 หน่วย นี่คือ คุ้มค่ามากๆครับ


Abilities - บิ้วนี้เราจะเน้นอัพ Dex เป็น 16-17 สำหรับไว้ใช้กับอาวุธธนูและ Cha เป็น 16 เพื่อเอาไว้เพิ่มความสามารถในการคุยและร่ายเวทย์ของ Bard ในภายหลังครับ ... ซึ่งผมจะอัพไว้ประมาณนี้

Abilities
Score
Strength
8
Dexterity
17
Constitution
14
Intelligence
8
Wisdom
10
Charisma
16

Skills - อันนี้อะไรก็ได้เลยครับ แต่ Acrobatics ก็ดีนะ เพราะเราไปเน้นอัพ Dex เยอะ ... ส่วนอีกอันเลือก Intimidation ไว้ช่วยตอนคุยก็ได้นะ

การอัพเกรดตัวละครที่ Level 02
Fighter Lv2

เวลนี้ อัพง่ายๆเลยครับ เพราะเราไม่ต้องเลือกอะไรเลย สบายๆ แต่จำเป็นยิ่งยวดเพราะสิ่งที่เราจะได้จาก Fighter เวล 2 คือ Action Surge

Action Surge
สกิลเฉพาะตัวของ Fighter ที่สามารถใช้ได้ฟรีโดยไม่ต้องเสียแต้มอะไร แต่ต้องใช้ตอนอยู่ใน Combat เท่านั้น ใช้ได้ 1 ครั้ง / 1 Short Rest ครับ ... โดยเมื่อเราใช้ Action Surge (ใช้ได้เฉพาะตอนต่อสู้อยู่เท่านั้น) มันจะเพิ่ม Action Point ให้เรา 1 แต้มทันที ทำให้คุณสามารถโจมตี แดช หรือร่ายเวทย์ช่วยเพื่อนได้ในเทิร์นนั้น ถือเป็นของดีที่สายโจมตีประชิดต้องมีไว้เลยครับ

สำหรับบิ้วนี้ คุณจะสามารถตีศัตรูได้ 2 ครั้งต่อ 1 เทิร์นตั้งแต่เวล 2 หรือตั้งแต่เริ่ม Act 1 เลย ... ก็ถือว่าเป็นข้อได้เปรียบของบิ้วนี้เลยครับ

การอัพเกรดตัวละครที่ Level 03
Fighter Lv3

Subclass - บังคับเลือก Battle Master ครับ Subclass ยอดนิยมอัพดับ 1 ของคลาส Fighter เลย โดยเราจะได้ Feature สำคัญมานั่นก็คือ...

Superiority Dice x4
อธิบายง่ายๆ เป็นแต้มสำหรับใช้สกิลของ Battle Master ครับ โดยเราจะได้ดาเมจเพิ่ม 1-8 หน่วย สำหรับบางท่าครับ ... โดยท่าพวกนี้เราจะเรียกว่า Manoeuvre ซึ่งผมจะขออธิบายทุกอันไว้ตรงนี้เพื่อให้ทุกคนเข้าใจก่อนนะครับว่าอันไหนทำอะไรได้บ้าง


Commander's Strike - ใช้ Action และ Reaction ของเรา ให้เพื่อนเราโจมตีศัตรูได้โดนใช้ Reaction ของเพื่อนคนนั้น ... เหมือนจะดีในบางสถานการณ์นะครับ แต่หลังๆ Reaction มีความจำเป็นพอสมควร ดังนั้น ผมยังถือว่าได้ไม่คุ้มเสียครับ แต่สำหรับบิ้วนี้สกิลนี้ถือว่าสามารถช่วยให้เพื่อนที่มี Melee DPS สูงๆได้โจมตีเพิ่มอีก 1 ครั้งก็ถือว่าเป็นของดีที่สายบัฟควรมีไว้ครับ
Disarming Attack - ใช้ Action ออกท่าโจมตี Melee หรือ Range เพื่อปลดอาวุธและได้ดาเมจเพิ่มจาก Superiority Dice ... อันนี้ถือว่าดีมากครับ เพราะสามารถมีโอกาสปลดอาวุธศัตรูเก่งๆได้ ทำให้เป็น 1 อันที่ควรเลือกไว้เลย
Distracting Attack - ใช้ Action ออกท่าโจมตี Melee หรือ Range เพื่อให้การโจมตีศัตรูตัวนี้ของเพื่อนเราติด Advantage 1 ครั้ง และได้ดาเมจเพิ่มจาก Superiority Dice ... เหมาะสำหรับการรุมตีบอสหรือตัวเก่งๆ แต่เราไม่ได้ประโยชน์โดยตรง ผมเลยเฉยๆกับท่านี้ครับ
Evasive Footwork - ใช้ Superiority Dice เพื่อทำให้ศัตรูที่ตีระยะประชิดใส่เราติด Disadvantage เป็นเวลา 1 เทิร์น ... เนื่องจากใช้ฟรีไม่เสีย Action อะไร แต่เป็นสกิลเน้นป้องกันมากกว่า ก็ขึ้นอยู่กับว่าเข้ากับสไตล์ที่คุณต้องการหรือไม่ครับ
Feinting Attack - ใช้ Action และ Bonus Action ออกท่าโจมตี เพื่อให้ติด Advantage และได้ดาเมจเพิ่มจาก Superiority Dice ... อันนี้ผมมองว่าไม่คุ้มสุดๆ ตัดออกจากตัวเลือกไปได้เลยครับ 555+
Goading Attack - ใช้ Action ออกท่าโจมตี Melee หรือ Range เพื่อบังคับให้ศัตรูตีแต่คุณเพราะถ้าไปตีคนอื่นจะติด Disadvantage และได้ดาเมจเพิ่มจาก Superiority Dice ... อันนี้ผมเฉยๆครับ เพราะใช้ได้ในบางสถานการณ์เท่านั้น
Manoeuvring Attack - ใช้ Action ออกท่าโจมตี Melee หรือ Range เพื่อโจมตี โดยหลังโจมตีสำเร็จจะสามารถเพิ่มระยะเดินให้เพื่อนได้แถมเพื่อนจะไม่โดน Opportunity Attack และได้ดาเมจเพิ่มจาก Superiority Dice ด้วย ... อันนี้ใช้ดีมาก สำหรับสถานการณ์ที่ต้องการให้เพื่อนเคลื่อนที่และโจมตีไปด้วยกัน หรือเอาไว้ให้เพื่อนที่เป็นแนวหลังหลบ Opportunity Attack ของศัตรูครับ
Menacing Attack - ใช้ Action ออกท่าโจมตี Melee หรือ Range เพื่อโจมตีศัตรูให้ติด Frightens และได้ดาเมจเพิ่มจาก Superiority Dice ... เป็นอีกท่าที่ดีมากๆ เพราะเมื่อศัตรูติด Frightens แล้วจะเดินไปไหนไม่ได้ เหมาะกับการล็อคศัตรูไว้กับที่ครับ
Precision Attack - ใช้ Superiority Dice เพื่อทำให้การโจมตีถัดไปของเราได้โบนะส Attack Roll เท่ากับ Superiority Dice ... เป็นท่าสำหรับใช้เพิ่มโอกาสการตีโดน เหมาะกับเวลาเจอศัตรูที่ AC สูงๆครับ
Pushing Attack - ใช้ Action ออกท่าโจมตี Melee หรือ Range เพื่อโจมตีและผลักศัตรูไป 4.5 เมตรและได้ดาเมจเพิ่มจาก Superiority Dice ... อันนี้ดีมาก เวลาที่คุณต้องการผลักศัตรูให้ตกแมพ หรือกระเด็นออกไปครับ เช่น ผลัก Steel Watcher ให้ตกน้ำหรือตกป้อมตายไปเลยในทีเดียวก็ยังได้
Rally - ใช้ Bonus Action เพิ่มเลือดชั่วคราว 8 หน่วยให้ตัวเราหรือเพื่อนในทีม ... ใช้ดีในช่วงแรกๆของเกม แต่ไม่มีประโยชน์ในช่วงกลางๆถึงท้ายเกมครับ
Riposte - ใช้ Reaction ในการโจมตีสวนกลับเมื่อศัตรูตีเราไม่โดนและได้ดาเมจเพิ่มจาก Superiority Dice ... เป็นท่าจำเป็นเลย เพราะเมื่อศัตรูตีเราวืด เราจะสามารถใช้ Reaction สวนกลับได้ แถมแรงกว่าตีปกติด้วย
Sweeping Attack - ใช้ Action ออกท่าโจมตี Melee เป็นวงกว้างและสามารถโดนศัตรูได้หลายตัว ... ดูเหมือนจะดี แต่ท่านี้ดันไม่ได้คิดดาเมจจากอาวุธนี่สิครับ ดังนั้นดาเมจมันจะเบามากๆจนแทบไม่มีประโยชน์อะไรเลย ทิ้งจากตัวเลือกไปได้เลยครับ
Trip Attack - ใช้ Action ออกท่าโจมตี Melee หรือ Range เพื่อทำให้ศัตรูและได้ดาเมจเพิ่มจาก Superiority Dice ... อันนี้ดีมากเพราะทำให้ศัตรูล้มได้ เมื่อศัตรูล้มแล้วจะหลุด Concentrate และทุกคนที่โจมตีในระยะ 3 เมตรจะได้ Advantage ครับ เป็น 1 ท่าที่ต้องเลือกไว้ใช้เลย

โดยในเลเวลนี้ เราจะเลือกได้ 3 ท่าครับ ผมแนะนำ Commander's Strike และ Manoeuvring Attack ไว้ครับ เพราะสองท่านี้ สามารถเอาไว้บัฟเพื่อนได้ดีมากๆ ส่วนอีกท่าจะเลือกอะไรก็ได้ครับ ส่วนตัวผมแนะนำ Disarming Attack, Menacing Attack หรือ Trip Attack เพราะเอาไว้ทำดีบัฟใส่ศัตรูทำให้เพื่อนจัดการศัตรูได้ดีขึ้นด้วยครับ

การอัพเกรดตัวละครที่ Level 04
Fighter Lv4

Feat - ในตอนนี้ผมแนะนำให้เลือก Ability Improvement แล้วเพิ่ม Dex+2 ไปก่อนครับ เพราะถ้าเลือก Sharpshooter ตอนนี้เลยจะทำให้คุณยิงว่าวได้เยอะกว่ายิงโดนเพราะของยังไม่พร้อม ... แต่ถ้าคุณ Respec ตัวละคร จะเลือกอันไหนก่อนหลังก็ไม่ซีเรียสครับ

การอัพเกรดตัวละครที่ Level 05
Fighter Lv5

เลเวลอัพรอบนี้ไม่ต้องเลือกอะไรเลยครับ เพราะเราจะได้สกิล Passive ที่เราต้องการมาเลย ก็คือ Extra Attack นั่นเอง ... การโจมตีได้ 2 ครั้งต่อ 1 Action Point นี่ถือเป็นสิ่งจำเป็นตอนเริ่มเกมเลย ... ซึ่งคลาสสายบู๊ส่วนใหญ่จะได้สกิล Extra Attack มาตอนเลเวล 5 แทบจะทั้งนั้นครับ

การอัพเกรดตัวละครที่ Level 06
Fighter Lv6

อันนี้เป็นจุดที่พิเศษ 1 อย่างของคลาส Fighter คือคุณสามารถเลือก Feat ฟรีได้ตอนเวล 6 ครับ และเราจะหยุดการอัพคลาสนี้ไว้เพียงเท่านี้

Feat - ก็ Feat เลือกอีกอันที่เราไม่ได้เลือกไว้ตอนเลเวล 4 ครับ ถ้าอัพมาตามไกด์ผม ก็เลือก Sharpshooter ได้เลย

Sharpshooter
เลาใช้อาวุธระยะไกล และเราอยู่ในระดับต่ำกว่าศัตรู เราจะไม่โดนปรับจาก High Ground Rules ครับ โดยที่เรายังสามารถใช้โบนัสจากกฎนี้ได้อยู่ ... อ่ะ พูดง่ายๆคือ ตอนเราอยู่ต่ำกว่าเราจะไม่เสียอะไร แต่เรายังได้ประโยชน์อยู่ถ้าเราอยู่สูงกว่า ... ก็เป็น Feat แบบ Must Have ของมือธนูก็ว่าได้ครับ โดย Feat นี้จะให้สกิล Passive ที่เปิด-ปิดได้กับเราอีกอย่างคือ

Sharpshooter: All In - ลด Attack Roll -5 แต้ม เพื่อแลกกับดาเมจที่เพิ่มขึ้น 10 แต้ม ถ้าเราเลือก Archery Fighting Style ไว้ อันนี้จะเหมือนแค่เรา -3 Attack Roll แต่ได้ดาเมจเพิ่ม 10 หน่วย ซึ่งถือว่าเยอะและคุ้มค่ามากๆครับ ... ทั้งนี้ทั้งนั้น คุณต้องเป็นคนตัดสินใจเองนะครับว่า จะยิงเอาโดนชัวร์กว่าแต่ดาเมจน้อยกว่า หรือเอาแบบลดโอกาสโดนลงแต่ดาเมจมากกว่า ซึ่งตรงนี้ก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์และของที่คุณใส่อยู่ด้วยครับ

การอัพเกรดตัวละครที่ Level 07
Fighter Lv6 / Wizard Lv1

มาในเลเวลนี้เราจะ Dip ไปหาคลาส Wizard กัน เพื่อที่จะเอาความสามารถในการเรียนเวทย์ Utilities ทั้งหลายจาก Scrolls ครับ โดยเฉพาะเวทย์ Haste ที่สามารถเอาไว้บัฟเพื่อนหรือเราเองให้มี Action Point เพิ่มอีก 1 แต้มได้ 10 เทิร์น ... แต่เนื่องจากเราไม่ได้มี Int เยอะ ทำให้เลือกเตรียมเวทย์ไว้ใน Book ได้แค่ 1 อันเท่านั้น อันนี้ก็สลับๆเอาอันที่ต้องการไว้ใช้ละกันครับ ... แต่ถ้าคุณไม่ได้สนใจเรื่องการเรียนเวทย์ Haste ไว้ใช้ เวลนี้ก็ให้อัพ Fighter Lv7 ไปเลยครับ เพราะคุณจะได้เต๋า Superiority Dice เพิ่มอีก 1 อัน และได้ท่า Manuevres เพิ่มอีก 2 ท่าด้วย อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับคุณเลยครับว่าอยากไปทางไหน

Cantrips - เลือก 3 อย่างที่ชอบได้เลยครับ แต่แนะนำเป็น Utilities นะ เพราะ Int เราน้อย


Spells - เลือก 6 อย่างที่ชอบได้เลยครับ เพราะสุดท้ายเราสามารถเรียนเวทย์เวล 1-3 ได้จาก Scrolls อยู่แล้ว แต่ผมแนะนำอันที่เป็น Ritual ทั้งหลายและเวทย์ Shield ไว้อันนึง เพราะเป็นเวทย์ Reaction สายป้องกันที่จะทำให้คุณได้ AC+5 ไปจนกว่าจะถึงเทิร์นของคุณเลย แถมเวทย์นี้คือเวทย์เดียวที่เอาไว้ป้องกัน Magic Missile ได้แบบ 100% เลยด้วยครับ หรือเรียกว่าเป็นเวทย์แก้ทาง Magic Missile เลยก็ว่าได้ ... อีกอย่างที่ผมแนะนำให้เลือกอันนี้ เพราะมันไม่มี Scrolls ให้เรียนเวทย์นี้นะ ... ส่วนที่เหลืออีก 5 อันอะไรก็ได้ครับ

การอัพเกรดตัวละครที่ Level 08
Fighter Lv6 / Wizard Lv1 / Bard Lv1

ในเลเวลนี้เราจะไปอัพ Bard กันยาวๆเลยครับ เพราะเราต้องการหลายๆอย่างจากคลาสอเนกประสงค์สามัญคลาสนี้

Cantrips - เลือก 2 อัน ผมแนะนำเป็นเวทย์เฉพาะของ Bard อย่าง Vicious Mockery ที่เอาไว้ด่าศัตรูให้โดนดาเมจได้ ส่วนอีกอันนี่จะเอาอะไรก็ได้ครับ ส่วนตัวผมเลือก Blade Ward


Spells - เลือกเวทย์เวล 1 จำนวน 4 อัน ผมแนะนำว่าเลือกเวทย์ฮีลเพื่อนอย่าง Cure Wound และ Healing Word ไว้ครับ เพื่อเอาไว้ใช้ฮีลพร้อมกับบัฟให้เพื่อนๆ อีกอันที่ควรเลือกไว้คือ Longstrider ที่เอาไว้เพิ่มระยะเดินให้เราและเพื่อนได้ 3 เมตรตลอดจนกว่าจะ Long Rest ได้เลย ... ส่วนที่เหลือจะเลือกอะไรก็ได้ครับ เอาที่คุณชอบเลยนะ


Starting Instrument - เลือกเครื่องดนตรีเริ่มต้นฟรีได้เลยครับ ถ้าไม่ชอบ เราก็หาเครื่องดนตรีอื่นมาใส่ทีหลังได้อยู่แล้ว

Skills - เลือกเพิ่ม Proficiency ให้ Skill ที่เราต้องการ 1 อัน

การอัพเกรดตัวละครที่ Level 09
Fighter Lv6 / Wizard Lv1 / Bard Lv2

ในการอัพเวลนี้ เราจะได้สกิลพิเศษของ Bard มาอีก 2 อัน คือ
> Song of Rest - มีผลเหมือนกับเรา Short Rest ให้กับทั้งทีมได้ 1 รอบ ดีจัดๆเลย เพราะในบิ้วนี้เราสามารถรีแต้ม Bardic Inspiration ด้วยการ Short Rest ได้ (จะกล่าวถึงในการอัพเวลถัดๆไปนะ) ทำให้เราสามารถรีแต้มในการทำดาเมจได้อีกรอบนึงเลยครับ คุ้มจัดๆ
> Jack of All Trades - เอาไว้ช่วยเพิ่มโบนัสครึ่งนึงของ Proficiency เราเข้าไปใน Skills Check ที่เราไม่มี Proficiency ครับ พูดง่ายๆก็คือ โบนัสสกิลเช๊คให้กับทุกสกิลที่เหลือน่ะแหละ ใช้ได้ดีในการผ่านสกิลเช๊คทั้งหลายในบทสนทนาครับ


Spells - เลือกเวทย์เวล 1 อีก 1 อย่างครับ อะไรก็ได้อีกเช่นเคย

การอัพเกรดตัวละครที่ Level 10
Fighter Lv6 / Wizard Lv1 / Bard Lv3

Subclass - College of Swords เพราะเราจะได้เลือก Fighting Style เพิ่มอีก 1 อัน และ Blade Flourish สกิลที่จะมาเพิ่มทางเลือกและความยืดหยุ่นให้กับบิ้วของเราอย่างมากครับ ซึ่งคำอธิบายสกิลนี้ ผมขอยกมาจากบิ้ว 002 เลยนะ

Blade Flourish
สกิลนี้จะแยกย่อยเป็น 6 สกิลให้เราได้เลือกใช้กัน (ประชิด 3 ระยะไกล 3) แต่ จริงๆแล้วคือมีแค่ 3 ประเภทเท่านั้นครับ โดยผมจะขออธิบายเป็นประเภทๆดังนี้

1. Defensive Flourish
เป็นสกิลที่ใช้อาวุธประชิดหรืออาวุธระยะไกล และใช้แต้ม Bardic Inspiration 1 แต้ม เมื่อโจมตีโดนศัตรูแล้วจะทำให้เราได้ AC+4 ในเทิร์นนั้นๆ ถือเป็นท่าที่เอาไว้จบเทิร์นเวลาเราอยู่ในวงล้อมศัตรูเลยครับ เนื่องจากบิ้วนี้เราจะไม่ได้มี AC สูงมาก การจบด้วยท่านี้ก็สามารถช่วยให้เราหลบศัตรูในเทิร์นนั้นได้ดีขึ้นมากครับ

2. Mobile Flourish
อันนี้เป็นท่าโปรดของผมเลย เป็นสกิลที่ใช้อาวุธประชิดหรืออาวุธระยะไกล และใช้แต้ม Bardic Inspiration 1 แต้ม เมื่อโจมตีโดนจะผลักศัตรูตัวนั้นๆกระเด็นไป 6 เมตร (เหมือนๆ Pushing Attack) ... แต่ที่เด็ดกว่าคือ เราจะสามารถใช้ Movement Point ในการวาร์ปตามศัตรูตัวนั้นไปได้ครับ

3. Slashing Flourish
สำหรับบิ้วนี้ อันนี้คือท่าจำเป็นเลย เป็นสกิลที่ใช้อาวุธประชิดหรืออาวุธระยะไกล และใช้แต้ม Bardic Inspiration 1 แต้ม โจมตีศัตรู 2 ตัว ... ซึ่งถ้าเป็นอาวุธประชิดจะเป็นการโจมตีคล้าย Sweeping Attack หรือโจมตีเป็น Arc ระยะ 2 เมตร ... แต่ที่เด็ดจริงๆคืออาวุธระยะไกลครับ เพราะสามารถเลือกเป้าได้ 2 เป้า หรือจะเลือก เป้าเดียวแล้วยิง 2 นัดก็ได้ ดังนั้น สำหรับบิ้วนี้ที่เราอาจจะเหลือแค่ Action Point เราก็ยังใช้แต้ม Bardic Inspiration ในการยิงหน้าไม้ 2 นัดได้ เรียกได้ว่าดาเมจเน้นเพิ่มเป็นสองเท่าจากการโจมตีปกติเลย


Skills - ในเวลนี้ เราสามารถเลือกเพิ่ม Skills ได้อีก 2 อัน ก็เอาตามที่ชอบๆครับ


Spells - มีเวทย์เวล 2 มาให้เลือกใช้แล้ว อันนี้ผมแนะนำให้เลือก Hold Person กับ Silence ครับ จะเลือกอันไหนก่อนหลังก็ได้เลย เพราะเดี๋ยวเลเวลหน้าเราก็ได้เลือกอีกอันครับ


Fighting Style - แนะนำให้เลือก Duelling ครับ เพราะเราจะได้ดาเมจเพิ่มจากการใช้อาวุธระยะประชิดโจมตีเล็กน้อย เอาจริงๆ มันก็ไม่ได้ใช้หรอก เพราะบิ้วนี้เราเอาธนูยิงเป็นหลัก แต่ถึงเลือกอีกอันคือ Two-Weapon Fighting ก็ไม่มีประโยชน์กับเราอยู่ดี ก็เลือกอันนี้ไปแหละครับ 555+

การอัพเกรดตัวละครที่ Level 11
Fighter Lv6 / Wizard Lv1 / Bard Lv4

Cantrips - อะไรก็ได้ครับ ตามที่ชอบเลย


Spells - เลือกเวทย์เวล 2 อีก 1 อันที่เหลือได้เลยครับ หรือใครชอบอันไหนก็เลือกอันนั้นได้เลยนะ


Feat - อันนี้ผมแนะนำกึ่งล็อคคอให้เลือกเป็น War Caster ครับ เพราะจะช่วยให้เราหลุด Concentrate ได้ยากกว่าเดิมเยอะมากเพราะจะได้โรลเป็น Advantage ตลอด ... จริงๆคุณสามารถเลือกอย่างอื่นอย่าง Martial Adept ที่จะทำให้คุณเลือก Manuevres ของ Battle Master เพิ่มก็ได้นะครับ แต่ผมมองว่า War Caster เพื่อให้คง Concentrate เวลาใช้เวทย์ Haste นี่น่าจะคุ้มกว่า

การอัพเกรดตัวละครที่ Level 12
Fighter Lv6 / Wizard Lv1 / Bard Lv5

ในเลเวลสุดท้ายนี้เราจะอัพเต๋าของ Bardic Inspiration เป็น 8 แต้มแทน และจะได้สกิล Font of Inspiration ซึ่งจะทำให้เราได้ Bardic Inspiration คืนในทุกๆการ Short Rest (ปกติได้คืนทุก Long Rest) สำหรับบิ้วที่ใช้ Bardic Inspiration ในการทำดาเมจและบัฟเพื่อนแบบบิ้วนี้ ถือว่าดีมากๆเลยครับ


Spells - ตอนนี้มีเวทย์เวล 3 มาให้เลือกแล้ว เช่นเดิม อะไรก็ได้ครับ แต่ผมแนะนำ Glyph of Warding หรือ Plant Growth ครับ

Equipment อุปกรณ์สวมใส่ที่จำเป็น
MINOR SPOILER ALERT!!!

สำหรับอุปกรณ์สวมใส่ที่จำเป็นนี่ ยังไงก็คงหลีกเลี่ยงการสปอยได้ยาก ... แต่ก็เช่นเดิม ผมจะทำแถบปิด Spoiler เอาไว้ และจะ Spoil ให้น้อยที่สุดครับ

หากใครกลัวพลาดหรือแค่อยากรู้ว่าชิ้นไหนทำอะไรได้บ้างจริงๆ ให้ข้ามไปดูสรุปข้อมูลได้เลย

Helmet ส่วนหัว/หมวก
Helmet of Balduran

ของอีก 1 ชิ้นที่หลบสปอยได้ยากอีกแล้วครับ โดยเราจะได้มาจาก The Dragon's Sanctum ใน Act 3 ... ในตอนที่เราเจอซากมังกร Ansur ให้เดินเข้าไปด้านใน จะมีหมวกวางอยู่บนแท่นใกล้ๆกับทางออกครับ สามารถเข้าไปหยิบได้ก่อนสู้กับ Ansur ได้นะครับ

Cloak ส่วนผ้าคลุม
Mantle of the Holy Warrior

หาซื้อได้จาก Vicar Humbletoes ที่ Stormshore Tabernacle ใน Act 3

Armor/Clothing ส่วนเกราะ/ชุด
Helldusk Armour

หาได้จาก House of Hope ใน Act 3 ... ดรอปจาก Raphael หลังจากที่เราฆ่ามันได้

Gloves ส่วนถุงมือ
The Reviving Hands

หาซื้อได้จาก Vicar Humbletoes ที่ Stormshore Tabernacle ใน Act 3

Boots ส่วนรองเท้า
Disintegrating Night Walkers

หาได้จาก Gyrmforge ใน Act 1 ... ดรอปจาก True Soul Nere

Amulet ส่วนสร้อยคอ
Amulet of Restoration

หาซื้อได้จาก Derryth Bonecloak ที่ Myconid Colony ของ Underdark ใน Act 1 ... ถ้าซื้อไม่ทัน แต่ไม่ได้ฆ่าเจ๊เค้า สามารถไปซื้อกับแกได้ใน Act 3 ที่ Baldur's Gate ครับ

Rings ส่วนแหวน
Risky Ring

หาซื้อได้จาก Araj Oblodra ที่ Moonrise Towers ใน Act 2

The Whispering Promise

ไอ้แหวนนี่ในข้อมูลหาซื้อได้หลายที่มากครับ แต่ที่ผมได้มาคือตอนเจอ Volo ครั้งแรกที่ Druid Grove ยังไงก็ลองดูตามด้านล่างนี้นะครับ
- Volo ที่ Druid Grove ใน Act 1
- Grat the Trader ที่ Goblin Camp ใน Act 1
- Roah Moonglow ที่ Moonrise Towers ใน Act 2

Melee Weapon ส่วนอาวุธประชิด
Duke Ravengard's Longsword

หาได้จาก Duke Ravengard ใน Act 3 ... โดยเราสามารถฆ่าหรือเก็บจากศพของ Duke ตอนอยู่ใน Iron Throne ก็ได้ ... แต่ถ้าคุณอยากจะเอา Duke เป็นพวก ต้องช่วยเขาแล้ว Duke จะมาอยู่ในแคมป์ ตอนนั้นให้ย่องไปขโมย Pickpocket เกราะนี้จากเขาได้ ... แต่ระวังไว้นะครับ ถ้าเฟลปุ๊บ Duke จะเป็นศัตรูกับเราทันที ผมแนะนำให้ใช้เวทย์ Feint Death ร่ายใส่ Duke แล้วก็ Pickpocket เอาครับ เพราะ DC เยอะเอาเรื่องเลยนะ 555

Drakethroat Glaive

หาซื้อได้จาก Roah Moonglow ที่ Moonrise Towers ใน Act 2

Shield ส่วนโล่
Viconia's Walking Fortress

โล่ที่ดีที่สุดในเกม ดรอปจาก Viconia ที่ House of Grief ใน Act 3 ... โดยถ้าเล่นปกติ เราต้องเลือกฆ่าเธอถึงจะได้ของนะครับ แต่ถ้าจะเลือกปล่อยไปแล้วอยากได้โล่ด้วย หลังจบไฟท์ก่อนคุยให้กดคลิกขวาที่ Viconia แล้วกด Loot ของทั้งหมดมาก่อน จากนั้นค่อยคุยให้ปล่อยไปได้ครับ ผมเทสแล้วว่าสามารถทำได้จริง ณ Patch 6 Hotfix 25

Range Weapon ส่วนอาวุธระยะไกล
Gontr Mael

หาได้จาก Steel Watch Foundry ใน Act 3 … ดรอปจากบอส Steel Watch Titan หลังจัดการแล้วอย่าลืมเก็บมานะครับ เพราะถ้าเราเลือกระเบิดโรงงานแล้วจะกลับเข้าไปอีกไม่ได้แล้วครับ
สรุปความจำเป็นของอุปกรณ์แต่ละชิ้น
Helmet of Balduran - ใส่เพื่อให้ได้โบนัสหลายๆอย่าง เช่น AC+1, ป้องกันการโดน Stun และโดน Critical Hit แต่สิ่งที่เราต้องการมากที่สุดคือ การ Heal ตัวเองทุกๆครั้งที่เริ่มเทิร์น เพราะมันจะส่งผลให้สกิลแหวนเราทำงานครับ
Mantle of the Holy Warrior - ใส่เพื่อเอาสกิล Crusader's Mantle ฟรีครับ โดยเมื่อเราใช้เวทย์นี้ เพื่อนๆรอบข้างจะได้ดาเมจแสงฟรี 1-4 หน่วย เหมาะมากกับการบัฟให้เพื่อนๆตีแรงขึ้น
Helldusk Armour - ใส่เพื่อเอา AC21, ลดดาเมจทุกอย่างที่เราโดนลง 3 หน่วย, ได้ Resistance ธาตุไฟ, และป้องกันสถานะติด Burn ได้, ถ้าศัตรูโจมตีด้วยเวทย์ใส่เราแล้วเรา Saving Throw สำเร็จ ศัตรูที่ร่ายเวทย์ใส่เราจะติด Burn ทันที ... นอกจากนั้นก็มีเวทย์บินให้ด้วย (ใช้ได้ 1 ครั้ง ต่อ 1 Long Rest) แถมเรายังไม่จำเป็นต้องมี Proficiency สำหรับเกราะหนักก็สามารถใส่ได้ เป็นเกราะที่เรียกได้ว่าดีที่สุดในเกมตอนนี้เลยก็ยังได้ครับ
The Reviving Hands - ใส่เพื่อให้เวลาฮีลจะได้บัฟของสกิล Blade Ward ซึ่งจะได้ Resistance ดาเมจกายภาพ (ลดดาเมจกายภาพที่โดนลงครึ่งนึง) เป็นเวลา 2 เทิร์น เมื่อใช้คู่กับหมวกที่ฮีลได้ก็จะทำให้เราได้ Blade Ward ทุกๆเทิร์น แถมยังได้เวทย์ Revivify ไว้ชุบชีวิตเพื่อนที่ตาย ฟรี 1 ครั้ง
Disintegrating Night Walkers - ใส่เพื่อกันการลื่นล้มจากน้ำแข็ง และมี Misty Step ฟรีให้ใช้ได้ 1 ครั้งครับ
Amulet of Restoration - ใส่เพื่อเอาสกิล Healing Word และ Mass Healing Word ฟรีอย่างละ 1 ครั้ง ... จริงๆก็ไม่ได้เอาไว้ฮีลหรอกครับ แต่เอาไว้บัฟ Blade Ward และ Bless ให้เพื่อนมากกว่า
Risky Ring - แหวนเทพแห่งสายโจมตี เพราะตอนโจมตีด้วยอาวุธ จะได้ Advantage เสมอ พูดง่ายๆคือ Roll เต๋าสองลูกสำหรับ Attack Roll ทุกครั้ง ... แต่ก็มีข้อเสียอยู่ คือ แลกมากับการ Roll ของ Saving Throw แบบ Disadvantage หรือก็พูดง่ายๆคือ Roll 2 เต๋าแล้วเอาแต้มน้อยสุดในการ Saving Throw นั่นเอง
The Whispering Promise - ใส่เพื่อเวลาฮีลตัวเองหรือเพื่อน คนๆนั้นจะได้บัฟสกิล Bless (+1-4 Attack Roll และ +1-4 Saving Throw) เป็นเวลา 2 เทิร์น เมื่อใช้คู่กับหมวกที่ฮีลได้ก็จะทำให้เราได้ Bless ทุกๆเทิร์น
Duke Ravengard's Longsword - ใส่เพื่อเอา Cha+2 กับสกิล Commander's Strike ฟรี 1 ครั้ง / 1 Short Rest (ไม่ทำงานร่วมกับ Extra Attack เหมือนของ Battle Master นะครับ) และเมื่อเราฆ่าศัตรูได้ เพื่อนๆรอบตัวในระยะ 9 เมตรจะได้เลือดสำรองเท่ากับ Cha Modifier ของเราด้วย ... แต่ตอนนี้เหมือนมันบั๊กอยู่ครับ เพราะเลือดสำรองที่เพื่อนได้จะเท่ากับ Cha Modifier ของเพื่อนคนนั้นๆแทน (ต่ำสุดได้ 1 หน่วย) ... ก็ถือว่าเป็นของแถมที่ดี แต่หากจะให้ทำงานได้เต็มที่ คงต้องรอแพทช์แก้ให้มันทำงานตรงกับคำอธิบายแหละครับ
Drakethroat Glaive - ไม่ได้ใส่ แต่เอาไว้ร่ายสกิล Draconic Elemental Weapon ให้กับอาวุธหลักที่เราใช้แค่นั้น
Viconia's Walking Fortress - ใส่เพื่อเพิ่ม AC+3 และได้สกิล Warding Bond กับสกิล Reflective Shell ซึ่งดีมากเวลาเจอกับกลุ่มศัตรูสายระยะไกล เพราะเมื่อเราเปิดใช้สกิลนี้ มันจะอยู่เป็นเวลา 2 เทิร์น และในระยะเวลานั้น มันจะสะท้อนการโจมตีระยะไกลแบบ Missile ที่เล็งมาที่เราทุกชนิด ใช่ครับ เวทย์ระยะไกลก็สะท้อนได้เช่นกัน ... นอกจากนั้นยังมี Shield Bash แบบพิเศษที่สามารถทำดาเมจ Force ได้ด้วย เป็นหนึ่งในโล่ที่ดีที่สุดในเกมครับ
Gontr Mael - ใส่เพื่อใช้เป็นอาวุธโจมตีหลักของบิ้วนี้ และเอาสกิล Celestial Haste ซึ่งให้ผลเหมือน Haste เลยแต่ตอนหลุด Concentrate จะไม่ทำให้มึน และระยะเวลามีผลแค่ 5 เทิร์นครับ เป็นธนูเทพที่ดีมากๆสำหรับสายยิงไกลเลยล่ะ

เพิ่งเห็นว่าบิ้วนี้จะเทพสุดก็ต่อเมื่อมีของครบ แถมยังใช้ Legendary 4 ชิ้นแบบไม่แบ่งใครเลย 5555 ในการเล่นจริงๆ ถ้าคุณไม่ได้ Solo ก็สามารถปรับเปลี่ยนของบางอย่างได้นะครับ เช่น เปลี่ยนหมวกไปใส่อย่างอื่น แล้วใส่แหวนฮีล Ring of Regeneration แทน Risky Ring ก็จะทำให้ได้ผลบัฟจากการฮ๊ลตัวเองเหมือนกันครับ
Items อื่นๆที่จำเป็นสำหรับบิ้ว
Elixir of Bloodlust

ยาเทพที่ทุกคนต้องมี ผลของมันคือ เมื่อฆ่าศัตรูได้ จะได้ Action Point คืนมา 1 แต้ม มีผล 1ครั้ง/1เทิร์น นั่นหมายความว่า ถ้าคุณฆ่าศัตรูได้ในเทิร์นนั้น คุณจะโจมตีฟรีได้อีก 2 ครั้งครับ


Scroll of Haste

เราอัพคลาส Wizard มาเพื่อการนี้ครับ เรียนเวทย์ Haste ไว้ใช้แล้วคุณจะรู้สึกถึงความเป็นเทพได้ทันที


Ammunition

เนื่องจากเราใช้ธนูในการโจมตี ทำให้เราสามารถใช้กระสุนธนูประเภทต่างๆได้ด้วย ส่วนจะใช้แบบไหนอันนี้ก็ต้องแล้วแต่คุณเลย ส่วนตัวผมแนะนำแค่ Arrow of Many Targets ไว้จัดการศัตรูทีละหลายๆตัวครับ
Illithid Powers & Passive Bonus ที่จำเป็น
MAJOR SPOILER ALERT!!!

จริงๆถึงไม่มีพวกนี้ก็เล่นได้ แต่ถ้าอยากไปให้สุดก็ควรต้องมีบัฟและสกิลพวกนี้ครับ ผมจะแบ่งออกเป็นสองส่วนหลักๆก่อน คือ 1.Illithid Powers ที่แนะนำและ 2.Permanent Passive Buff ที่จำเป็นสำหรับบิ้วนี้

Illithid Powers ที่แนะนำกับบิ้วนี้

Luck of the Far Realms
เมื่อเราโจมตีศัตรูโดน จะสามารถบังคับติด Critical ได้ ใช้ได้ 1 ครั้ง / 1 Long Rest ถือว่าเป็นสกิลที่จำเป็นสำหรับสายโจมตีเลยครับ เพราะเราจะบังคับติดคริได้
Cull the Weak
เมื่อเราลดเลือดศัตรูให้ต่ำกว่าจำนวน Tadpole ในหัวเรา ศัตรูจะตายทันทีและระเบิดทำดาเมจพลังจิตใส่ศัตรูใกล้เคียงอีก 1-4 หน่วย เป็นสกิลที่ดีมาก สำหรับคนที่ใช้พลังของ Tadpole เยอะๆอยู่แล้ว เพราะถ้าคุณอัพเกรดจนครบ แค่คุณลดเลือดศัตรูลงมาเหลือแค่นิดหน่อยก็สามารถฆ่าศัตรูตัวนั้นได้ทันที พูดง่ายๆคือ ยิ่งใช้หนอนมาก สกิลนี้ก็ยิ่งได้ผลดีมากขึ้น และบอกลาความเซ็งตอนศัตรูเหลือเลือด 1 ไปได้เลย
Fly
อีกสกิลที่ตรงตามตัวเป๊ะๆเลย ทำให้เราสามารถเคลื่อนที่ได้ดีกว่าเดินปกติมากๆ ซึ่งสกิลนี้จะได้มาฟรีๆ เมื่อเรายอมเปิดใจรับพลังจาก Astral Tadpole ที่ได้จาก The Emperor ในตอนต้น Act 3 ครับ (แต่ต้องยอมลดสวยลดหล่อ มีเส้นเลือดดำขึ้นหน้านะ 5555)

Permanent Passive Buff ที่จำเป็นกับบิ้วนี้

ผมจะยกมาแต่อันที่จำเป็นนะครับ แต่ถึงพลาดไปก็ไม่เป็นไร แค่อย่างน้อยขอให้ได้บัฟ Dex+2 จากตอน Act 3 ได้ก็พอ ... ถ้าไม่ได้บัฟเลยถามว่าเล่นได้มั๊ย ก็เล่นได้ครับ แต่จะไม่สุดเท่าคนที่มีบัฟแค่นั้นเอง

[Act 1] Abilities+1 จากหนังหัวของป้าแม่มด Ethel
ได้จากการปราบป้า Ethel ในรังแม่มดที่ Act 1 ก่อนป้าจะตายจะทำการต่อรองให้เราไว้ชีวิตโดยแลกกับหนังหัวเพิ่มค่า Abilities ค่าใดค่าหนึ่ง จำนวน 1 แต้มครับ ... เช่นเดิม ลองดูความจำเป็นคนในทีมด้วยก็ดีครับ

ถ้าเราจะเอาค่าโบนัสจากข้อนี้ ผมล็อคคอให้เลือก Dex และไปปรับ Dex ตอน Respec ตัวเราให้เป็น 17 หน่วยได้เลยครับ

[Act 3] Abilities+2 จากกระจก Mirror of Loss
หลังจากทำเควสของ Shadowheart ใน House of Grief แล้ว เข้าไปห้องด้านในที่เจอพ่อแม่ของน้อง จะมีกระจก Mirror of Loss อยู่ ตรงนี้ผมแนะนำให้เซฟไว้ก่อนนะครับ เพราะกระจกนี่ต้องผ่าน Skill Check หลายรอบมาก ผมจะเรียงไว้ให้คร่าวๆประมาณนี้
1. การ Activate กระจก ต้องผ่าน Skill Check สองอย่างคือ Religion (DC20) และ Arcana (DC25)
2. หลัง Activate กระจกแล้ว คนที่จะเพิ่ม Stat ต้องผ่าน Skill Check Religion (DC25) ของใครของมันเป็นรายบุคคลไป
3. หลังจากผ่านเช๊คทั้งหมดแล้ว เราจะสามารถมอบ Abilities 1 ใน 6 อันไหนก็ได้ของเราให้กับกระจก 2 แต้ม แล้วจะสามารถเลือกเพิ่ม Abilities 1 ใน 6 อันไหนก็ได้ของเรา 2 แต้มแทน เช่น คุณอาจะแลก Wis-2 แล้วเอา Cha+2 แทน
4. หลังจากเลือกได้แล้ว ให้ใช้ Remove Curse ลบคำสาปที่โดน -2 อยู่ ก็จะทำให้เรามีบัฟ +2 Abilities ที่เราเลือกไว้ฟรีๆอย่างถาวรครับ
5. ทำซ้ำข้อ 2-4 กับตัวละครอื่นๆได้ ยกเว้นจะเฟล Skill Check คนนั้นจะอดบัฟนี้ไปเลยถาวรครับ

ข้อนี้ บังคับเลือก Dex+2 เช่นกันครับ

จาก 2 ข้อบน ถ้าคุณอัพ Dex เริ่มที่ 17 แต้ม แล้วคุณได้ Dex+3 คุณจะสามารถมี Dex สูงสุดที่ 22 แต้มเลย (Dex Modifier+6) แต่ถ้าคุณได้แค่ Dex+2 ก็ให้ไปปรับ Dex ตอน Respec ให้เหลือ 16 แต้มแทนครับ คุณก็จะมี Dex สูงสุดที่ 20 ซึ่งก็ถือว่าเพียงพอใช้งานได้แล้วเช่นกัน
วิธีการเล่นของบิ้วนี้โดยละเอียด
Role และแนวทางการเล่น
บิ้วนี้จะทำหน้าที่เป็น Long Range Support ครับ ซึ่งสามารถยืนอยู่แนวหลังเพื่อโจมตีศัตรูด้วยธนู หรือจะคอยบัฟเพื่อนที่เป็นแนวหน้าให้จัดการศัตรูได้เร็วขึ้นก็ได้ ท้งนี้ขึ้นอยู่กับว่าคุณอยากจะเล่นแบบไหนเลย ซึ่งดาเมจจากการโจมตีของบิ้วนี้อาจจะไม่ได้หวือหวามากแบบบิ้วเมต้า แต่ก็สามารถทำดาเมจได้สูงอยู่เนื่องจากสกิล Sharpshooter: All In และธนูเทพอย่าง Gontr Mael ที่สามารถทำดาเมจแสงและทำให้ศัตรูติดดีบัฟอย่าง Guiding Bolt ได้ เรียกได้ว่าสามารถเล่นเป็น Range DPS + Support ได้ในบิ้วเดียวเลยล่ะ ... โดยในส่วนของการบัฟเพื่อนนั้น ผมจะ List ไว้ให้ดังนี้
  • Commander's Strike - ใช้ Action และ Bonus Action บัฟให้เพื่อนในทีมโจมตีระยะประชิดด้วย Reaction ได้ฟรี 1 ครั้ง เหมาะมากกับการใช้ใส่เพื่อนที่เป็น Melee DPS ที่โจมตีหนักๆเช่น Fighter หรือ Paladin ซึ่งการโจมตีเพิ่ม 1 ครั้งนี้อาจจะเปลี่ยนทิศทางของไฟท์ได้เลยครับ ... แถมบิ้วนี้เรายังมีท่านี้ฟรีจากดาบอีก 1 ครั้ง / 1 Short Rest ด้วยนะ แจ๋วป่ะล่ะ
  • Manoeuvring Attack - เมื่อเราโจมตีโดนศัตรูด้วยท่านี้ เราจะสามารถเลือกเพิ่มระยะเดินได้อีกครึ่งนึงให้กับเพื่อน 1 คน ถือว่าดีมากๆสำหรับเอาไว้บัฟให้เพื่อนที่เดินได้ไม่ไกล หรือเพื่อนเทิร์นติดกันที่ต้องการระยะเดินเพิ่มครับ เชื่อเถอะว่าได้ใช้ประโยชน์เยอะเลยล่ะ
  • Bardic Inspiration - ใช้เพลงบัฟให้เพื่อน 1 คนเพิ่ม Attack Rolls, Saving Throw หรือ Abilities Check ได้ 1 ครั้ง ... สำหรับบิ้วนี้ข้อนี้ต้องคิดดีๆก่อนใช้ครับ เพราะเราสามารถใช้แต้ม Bardic Inspiration ในการโจมตีใส่ศัตรูได้นะ คุ้มไม่คุ้มอันนี้ก็อยู่ที่คุณพิจารณาครับ
  • Heal + Blade Ward & Bless - เมื่อคุณฮีลเพื่อน จะด้วยเวทย์หรืออะไรก็ตาม เพื่อนที่โดนฮีลจะได้บัฟ Blade Ward และ Bless เป็นเวลา 2 เทิร์นด้วย ใช้คู่กับ Mass Healing Word ได้ดีครับ เพราะฮีลได้วงกว้างมาก ... หืม? ฮีลให้เพื่อนแล้วตัวเราล่ะ? เนื่องจากเรามีหมวกที่ฮีลให้ตัวเองทุกๆเทิร์น ก็จะทำให้เราได้บัฟสองอย่างนี้ทุกเทิร์นอยู่แล้วครับ
  • Celestial Haste & Haste - ใช้เวทย์ Celestial Haste หรือ Haste เพิ่ม Action Point 1 แต้ม ให้เพื่อนหรือตัวเองก็ได้ครับ เนื่องจากมี Slot เวทย์เวล 3 แค่ 2 หน่วย และ Celestial Haste ฟรีแค่ 1 ครั้งดังนั้นก่อนใช้ ก็ลองคำนวณดูก่อนนะครับว่าคุ้มมั๊ย
  • Crusader's Mantle - ใช้เวทย์ฟรีจากผ้าคลุม เพิ่มดาเมจแสง 1-4 หน่วยให้กับเพื่อนทุกคนในระยะ 9 เมตร ใช้ได้ดีในการต่อสู้กับศัตรูที่แพ้ดาเมจแบบ Radiant ครับ
อันนี้คือรายการบัฟเท่าที่ผมคิดได้และเคยใช้นะครับ นอกนั้นก็ยังมีเวทย์จาก Wizard ที่สามารถเรียนเพิ่มมาใช้ได้ เช่น Invisibility, See Invisibility, Magic Weapon หรือ Enlarge/Reduce อะไรพวกนี้อีก ซึ่งใครที่อัพ Wizard มา 1 เวลตามผม ก็ทำให้มีแนวทางในการบัฟเพื่อนได้มากขึ้นครับ สำหรับใครที่มีคอมโบบัฟเพื่อนแบบเทพๆอย่าลืมเอามาแบ่งปันกันบ้างนะครับผม



การเตรียมพร้อมแบบ Step by Step
1. กินยา Elixir of Bloodlust
สรรพคุณตามที่แจ้งไว้แล้วครับ เท่ากับว่าถ้าคุณฆ่าศัตรูได้ในเทิร์นนั้น คุณจะโจมตีเพิ่มได้อีก 2 ทีเลย หลายๆคนที่อ่านบิ้วไกด์ผมบ่อยๆก็คงเดาทางได้ละ 555+
2. ร่ายเวทย์ Longstrider ใส่ตัวเองไว้
เอาไว้เพิ่มระยะเดินให้ไกลขึ้น 3 เมตร แม้บิ้วนี้จะไม่ได้เดินเยอะ แต่ของฟรี มีไว้ก็ไม่เสียหายครับเพราะบางไฟท์ก็สู้กันในพื้นที่กว้างที่ต้องอาศัยการเดิน(หรือบิน)เยอะเหมือนกัน
3. ดรอปอาวุธ Gontr Mael ไว้ที่พื้น ใส่ Drakethroat Glaive แล้วบัฟดาเมจธาตุให้อาวุธนั้น
มาถึงขั้นตอนในการเพิ่มดาเมจให้ตัวเรากันแล้วครับ โดยเริ่มจากการใส่ง้าว Drakethroat Glaive เพื่อให้ได้สกิล Draconic Elemental Weapon ซึ่งสกิลนี้จะบัฟให้อาวุธใดๆมีดาเมจธาตุที่เลือก 1-4 ดาเมจ ... จริงๆ สายอาวุธแทบทุกบิ้วผมก็ใช้ง้าวนี้บัฟดาเมจธาตุตลอดนะครับ คงไม่ต้องบอกสรรพคุณเพิ่มแล้วล่ะมั้ง
4. ร่าย Celestial Haste หรือ Haste ก่อนเข้าการต่อสู้ (Optional)
เนื่องจากบิ้วนี้มี Celestial Haste จากธนูให้ใช้เพียงแค่ครั้งเดียว และมี Slot เวทย์เวล 3 ไว้ร่าย Haste แค่เพียง 2 ครั้งเท่านั้น คุณอาจจะเก็บไว้ใช้ทีหลังก็ได้นะครับ อันนี้ขึ้นอยู่กับว่าอยากจะจัดการศัตรูให้เร็วขึ้นแค่ไหน

การใช้งานบิ้วนี้ในการต่อสู้แบบ Step by Step
1. โจมตีศัตรูและฆ่าให้ได้อย่างน้อย 1 ตัว เพื่อให้ผลของยา Bloodlust ทำงาน
เป็นสิ่งแรกที่ควรทำก่อนเลย ข้อนี้ผมแนะนำให้เน้นตัวที่เลือดน้อยๆ หรือพวกนักเวทย์ก่อนเพื่อเอา Action Point ฟรีจากผลของยา Bloodlust ครับ
2. ใช้ลูกธนูพิเศษ, ท่า Manuevres หรือ Blade Flourish ในการจัดการศัตรูที่เหลือ
ตรงนี้ถ้าคุณอยากจะเก็บกวาดศัตรูเร็วๆ ก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์นั้นๆครับ เช่น ใช้ลูกธนู Arrow of Many Targets ยิงชิ่งใส่ศัตรูหลายๆตัว, ใช้ท่า Manuevres ในการปลดอาวุธศัตรูหรือเพิ่มระยะเดินให้เพื่อน หรือจะใช้ Slashing Flourish ยิงธนู 2 ดอกใส่ศัตรูเก่งๆ 1 ตัวเพื่อปลิดชีพมันเลยก็ได้
Conclusion
เป็นไงครับ บิ้วสายหัวหน้าผู้บังคับบัญชาที่มาพร้อมกับฝีมือยิงธนูเยี่ยงฮอร์คอายนี้ ถูกใจท่านผู้อ่านกันบ้างรึป่าว? ยังไงถ้ามีความเห็นหรือข้อเสนอแนะอะไรก็บอกได้เลยนะครับผม ช่วงนี้ผมเองก็หัวทึบๆคิดอะไรไม่ออกเท่าไหร่ละ 555+ แต่ก็ยังมีดองไอเดียไว้อยู่บ้างนะครับ แค่ลองแล้วมันแป้กๆก็ไม่ได้เอามาทำบิ้วไกด์ลงให้ทุกท่านแค่นั้นเองฮะ

ประกาศออกมาแล้วว่า Patch 7 และ Evil Ending จะออกมาให้เราได้เล่นกันตอนกันยายนนู่นเลย ยังมีเวลาติดอยู่กับ Patch เก่านี้อีกหลายเดือน ก็ขอให้ทุกท่านเล่นเกมผจญภัยในโลกแห่งเฟย์รูนกันอย่างสนุกสนานด้วยนะครับ

ขอตัวออกไปสั่งการให้เหล่าผองเพื่อนได้พบกับชัยชนะก่อน แล้วพบกันใหม่บิ้วไกด์หน้าครับ
Bonus รวมคลิปการบิ้ว วิธีเล่น และเทสรัน
สำหรับใครที่ขี้เกียจอ่านเรียงความยาวๆของผมนะครับ ลองดูในคลิปด้านล่างได้เลย ผมทำเผื่อไว้ให้แล้ว ... สามารถพูดคุยสอบถามได้จากในคลิปหรือในไกด์นี้ได้เลยนะครับ

คลิปการทำบิ้วตั้งแต่ Level 01-12


คลิปวิธีเล่นแบบคร่าวๆและอุปกรณ์ที่ใช้


คลิป Tactician Solo Test Run

Link Guide&Build อื่นๆที่ผมได้ทำไว้
สำหรับใครที่ขี้เกียจเลื่อนหา หรืออาจจะหาไกด์ไหนไม่เจอ ลองกดไปดูในสารบัญรวมเล่มนี้ได้เลยครับ
https://steamcommunity.com/sharedfiles/filedetails/?id=3140547253