Baldur's Gate 3

Baldur's Gate 3

Not enough ratings
[BG3] Build#020 พระเส้าหลินสายโฉดโหดทุกกระบวนท่า
By Kingreader-K
บิ้ว Endgame (Act 3 Lv12) สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการ Roleplay เป็นพระเส้าหลินที่ฝีไม้ลายมือประหนึ่งจ้าวสำนัก โดยไกด์นี้ จะอธิบายการทำบิ้ว, อุปกรณ์ที่จำเป็น, และวิธีการเล่นให้อย่างละเอียดระดับโมเลกุล

อ้างอิงจากเกม Version 4.1.1.5022896 (Patch 6 Hotfix 25)
   
Award
Favorite
Favorited
Unfavorite
Introduction & Overview
คุณอยากเล่นบิ้ว Monk ที่สามารถทำได้ทุกอย่างมั๊ย?
คุณชอบเล่น Monk แบบใส่เกราะหนักเข้าปะทะศัตรูหรือไม่?
และคุณอยาก Roleplay เป็นพระวัดเส้าหลินหรือวัดอะไรซักอย่างในไทยเรามั๊ย?


สวัสดีและขอนมัสการเหล่าผู้อ่านทุกท่าน วันนี้มาพบกับผม Kingreader-K อีกเช่นเคย กับบิ้วที่ 20 แล้ว! โอ้แม่เจ้า มาไกลเหมือนกันนะเนี่ยเรา 555+ และในเมื่อเป็นบิ้วที่ลงท้ายด้วยเลข 0 ทั้งที เราจะมาแบบธรรมดาๆก็คงจะดูไม่ดีเท่าไหร่ ... ดังนั้น วันนี้ผมจะเอาบิ้วแปลกๆมานำเสนอทุกท่านครับ นั่นก็คือ "พระเส้าหลินสายมืด" ผู้มาพร้อมกับกระบวนท่าอันหลากหลาย คลายความเบื่อหน่ายในการเล่นพระสายกังฟู ให้เหล่าท่านๆได้มีทางเลือกในการบิ้วเล่นกันครับ

ออกตัวก่อนว่า ผมไม่ได้มีเจตนาในการดูหมิ่นศาสนาอะไรแต่อย่างใดนะครับ เพราะผมก็เป็นชาวพุทธที่นับถือศาสนาคนนึงเช่นกัน ดังนั้น หากไกด์ผมนี้ดูเหมือนไปจาบจ้วงอะไรเข้า ก็ต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ ... เอาเป็นว่าเราเล่นเกมเอาสนุก และด้วยความที่เกมนี้มีอิสระมากๆ ทำให้ผมสามารถออกบิ้วและแต่งตัวละคร ให้เหมือนกับพระผู้เชี่ยวชาญวรยุทธแห่งวัดดูยูมีน เอ๊ย! วัดเส้าหลิน เลยล่ะครับ

ไอเดียนี้เป็นไอเดียที่เกิดมาจากสมัยเด็กที่ผมอ่านการ์ตูนพวก 8 เทพอสูรมังกรฟ้า หรือการ์ตูนวรยุทธ์กำลังภายใน (ใครเกิดทันยกมือไว้ในใจได้ครับ 555) ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเกี่ยวพันกับวัดเส้าหลิน แต่ในวัดนั้นก็จะมีทั้งพระที่ดีและพระที่ไม่ดีปะปนกันไปไม่ต่างจากโลกปัจจุบันของเรา ... ผมเลยอยากปั้นบิ้วที่เป็นพระเส้าหลินแบบฝักใฝ่สายมืด และมาพร้อมกับกระบวนท่าวรยุทธอันหลากหลาย ที่เอาไว้ใช้ได้ในทุกสถานการณ์ครับ

ถ้าคุณชอบพระกำลังภายใน ผู้ใช้ทั้งหมัดมวยและเพลงกระบอง แถมยังใช้วิชาอาคมในการจัดการเหล่าศัตรูได้แล้วล่ะก็ บิ้วนี้ตอบโจทย์ของคุณอย่างแน่นอน ... เกริ่นมาซะยาวเลย เอาเป็นว่า เรามาดูรายละเอียดวิธีบิ้วกันก่อนเลยดีกว่าครับ

การสร้างตัวละครที่ Level 01
Fighter Lv1

Origin/Race/Sub-Race - ผมแนะนำให้เล่น Half-Orc เลยครับ เพราะสำหรับบิ้วโจมตีทางกายภาพที่ต้องเอากายเนื้อเข้าห้ำหั่นกับศัตรู เผ่านี้ถือว่ามีภาษีดีกว่าเผ่าอื่นเยอะมาก เพราะมีสกิลที่กันตายได้ 1 ครั้ง แถมถ้าโจมตีติดคริ จะได้เต๋าดาเมจเพิ่มอีก ... แต่ถ้าคุณไม่ชอบ ก็เลือกเผ่าไหนก็ได้ครับ ไม่ได้มีผลต่างมากเท่าไหร่ แต่ถ้าอยาก Roleplay เป็นพระเส้าหลินก็คง้อง Human แหละนะ

Class - Fighter ก่อนเลย เพราะเราต้องการ Proficiency ในเกราะหนักและอาวุุธทุกชนิดครับ ... จริงๆก็เริ่มอัพคลาสนี้มาเพื่อแค่นี้แหละ 555+

Fighting Style - เลือก Defence ได้เลยครับ เพื่อ AC+1 เวลาใส่เกราะทำให้เรามีชีวิตรอดได้ยืนยาวขึ้นครับ


Abilities - ตอนเริ่มเกมผมแนะนำให้อัพธรรมดาไปก่อนนะครับ เพราะบิ้วนี้ใช้ของ Endgame เยอะมากๆ ทำให้กว่าจะบิ้วได้เต็ม อาจจะต้องรีคลาสไปๆมาๆหลายรอบ ดังนั้น ผมจะแนะนำให้อัพสองแบบนะครับ

Abilities
Score แบบเริ่มเล่นใหม่
Score แบบของพร้อมบิ้วเต็ม
Strength
17
8
Dexterity
14
14
Constitution
16
8
Intelligence
8
10
Wisdom
10
16
Charisma
8
17

Skills - อันนี้อะไรก็ได้เลยครับ ไม่มีอะไรแนะนำเป็นพิเศษ

การอัพเกรดตัวละครที่ Level 02
Fighter Lv1 / Monk Lv1

Class - Monk แน่นอนครับ เราจะเป็นพระได้ยังไง ถ้าไม่ได้อัพคลาสนี้ 555+ แต่ไม่ใช่เพราะเราจะโรลเพลย์อย่างดียวนะ เพราะารอัพมาคลาสนี้เราจะได้สกิลพิเศษมากมายอย่างกับไปช้อปปิ้งช่วงโปรโมชั่นสิ้นปีเลยล่ะ

Flurry of Blows - ใช้ Bonus Action และ Ki 1 แต้ม ในการโจมตีด้วยมือเปล่า 1 คอมโบ 2 ฮิท แม้จะมี Attack Roll แยกกันในแต่ละฮิท แต่วัดดาเมจแล้ว ถือว่าคุ้มสุดๆครับ เป็นดาเมจหลักของคลาสนี้เลย
Unarmoured Defence - ของคลาส Monk นั้น หากไม่ใส่เกราะจะได้โบนัสจาก Wis Modifier บวกเข้าไปใน AC ด้วย ซึ่งก็ดีมากสำหรับช่วงแรกๆ ... แต่กับบิ้วนี้เราจะใส่เกราะหนักอยู่แล้ว ดังนั้นจะไม่ได้ผลของสกิลนี้ครับ
Martial Arts: Dextrous Attacks - เวลาใช้ Monk Weapon หรือมือเปล่า Ability Modifier ที่ใช้จะเป็น Str หรือ Dex ก็ได้อยู่ที่ว่าค่าไหนมากกว่ากัน เช่น Str12 Dex16 ก็จะได้โบนัส +3 แต่ถ้ากินยาได้ Str เป็น 21 ก็จะได้โบนัส +5 จาก Str แทนครับ
Martial Arts: Deft Strikes - เวลาใช้ Monk Weapon หรือมือเปล่า จะทำดาเมจ Bludgeoning 1-4 แต้ม ยกเว้นว่าดาเมจจากอาวุธนั้นจะแรงกว่า
Martial Arts: Bonus Unarmed Strike - หลังจากใช้ Monk Weapon หรือมือเปล่าโจมตีแล้ว จะสามารถใช้ Bonus Action ในการโจมตีด้วยมือเปล่าได้อีก 1 ครั้ง

ซึ่งนอกจาก Unarmoured Defence แล้ว ในบิ้วนี้เราจะได้ผลจากสกิลอันอื่นทุกอันเลยครับ

การอัพเกรดตัวละครที่ Level 03
Fighter Lv1 / Monk Lv2

การอัพคลาส Monk นี่ง่ายมากครับ แทบไม่ต้องเลือกอะไร ผมเลยว่าจะขออธิบายประโยชน์ของสกิลที่ได้มาแต่ละเวลไว้ตรงนี้แทนเลยละกันครับ

Unarmoured Movement - เมื่อคุณไม่ได้ใส่เกราะและโล่ จะสามารถเดินได้ไกลขึ้น 3 เมตร ... ซึ่งเหมือนกับเลเวลที่แล้วครับ ถ้าใส่เกราะหนักเมื่อไหร่เราก็ไม่ได้ผลจากสกิลนี้ละ
Patient Defence - ใช้ Bonus Action และ Ki 1 แต้ม เพื่อให้ศัตรูที่โจมตีคุณ ติด Disadvantage และเราจะได้ Advantage สำหรับ Dex Saving Throw เป็นเวลา 1 เทิร์น
Step of the Wind: Dash - ใช้ Bonus Action และ Ki 1 แต้ม เพื่อให้ผลเหมือนเราใช้ Dash และสามารถกระโดดได้โดยไม่ใช้ Bonus Action
Step of the Wind: Disengage - ใช้ Bonus Action และ Ki 1 แต้ม เพื่อให้ผลเหมือนเราใช้ Disengage และสามารถกระโดดได้โดยไม่ใช้ Bonus Action

การอัพเกรดตัวละครที่ Level 04
Fighter Lv1 / Monk Lv3

Subclass - บังคับเลือก Way of the Open Hand ครับ เพราะเทียบกับอันอื่นแล้ว การใช้ Ki ของ Subclass นี้จะ Cost Effective มากกว่าเยอะมากครับ ... โดยในเวลนี้เราจะได้สกิล Flurry of Blows แบบอัพเกรดมาอีก 3 อย่าง นั่นก็คือ

Flurry of Blows: Topple - ใช้ Bonus Action และ Ki 1 แต้ม ในการโจมตีด้วยมือเปล่า 1 คอมโบ 2 ฮิท โดยฮิทที่ 2 มีโอกาสที่จะทำให้ศัตรูติด Prone ล้มลงไปได้
Flurry of Blows: Stagger - ใช้ Bonus Action และ Ki 1 แต้ม ในการโจมตีด้วยมือเปล่า 1 คอมโบ 2 ฮิท โดยฮิทที่ 2 มีโอกาสที่จะทำให้ศัตรูติด Stagger และใช้ Reaction ในเทิร์นนั้นไม่ได้
Flurry of Blows: Push - ใช้ Bonus Action และ Ki 1 แต้ม ในการโจมตีด้วยมือเปล่า 1 คอมโบ 2 ฮิท โดยฮิทที่ 2 มีโอกาสที่จะทำให้ศัตรูกระเด็นถอยหลังไป 5 เมตร

ซึ่งสกิล 3 อย่างนี้ จะมาเป็นตัวเลือกพิเศษให้กับสายนี้โดยเฉพาะครับ จะใช้ท่าไหนก็ขึ้นกับสภานการณ์เลย เช่น ทำให้ศัตรู AC สูงๆล้มลง จะได้ตีแล้วติด Advantage หรือจะผลักศัตรูให้ตกผาตายก็ได้ โดยแต่ละท่าใช้ Ki แค่ 1 แต้มเท่านั้น

อ่อ ลืมไปอีกอย่าง คือสกิล Deflect Missiles ครับ โดยเมื่อเราโดนโจมตีด้วยอาวุธระยะไกล เราจะสามารถใช้ Reaction ของเราลดดาเมจได้ 1-10 (+Dex Modifier + เวลMonk) หน่วย ซึ่งถ้าเราลดดาเมจเป็น 0 ได้ เราจะสามารถใช้ Ki 1 แต้ม ปากระสุนกับไปทำดาเมจใส่ศัตรูที่ยิงเราได้ด้วย เป็นท่าที่เท่ห์มากสำหรับการสวนกลับพวกระยะไกลครับ ใครยังงง ลองดูคลิป Solo Test ในหมวด Bonus นะ

การอัพเกรดตัวละครที่ Level 05
Fighter Lv1 / Monk Lv4

ในเวลนี้ คลาส Monk จะได้สกิลลดดาเมจ Falling ที่โดนลงครึ่งนึง ซึ่งก็ไม่ได้ใช้ประโยชน์อะไรหรอกครับ ยกเว้นว่าคุณจะชอบโดดจากที่สูงลงมาให้เจ็บตัว ก็อาจจะได้ใช้อยู่ครับ 5555+

Feat - แน่นอน บังคับจับมือกดหัวให้เลือก Tavern Brawler เท่านั้นเลย เพราะจะทำให้เราเอาค่า Str Modifier มาบวกให้กับดาเมจและ Attack Roll เวลาใช้มือเปล่าสองรอบ แถมยังสามารถเพิ่มค่า Str หรือ Con ได้ 1 แต้มด้วย ... สำหรับคนที่อัพแบบเริ่มเล่น ก็ให้เลือกเพิ่ม Str ให้เป็น 18 ไปครับ แต่สำหรับคนที่มีของพร้อมบิ้วเต็ม จะอัพอะไรก็ได้ครับไม่ได้มีผลอะไร

การอัพเกรดตัวละครที่ Level 06
Fighter Lv1 / Monk Lv5

ในเลเวลนี้ เราจะได้ Extra Attack มาแล้ว ทำให้ตีได้ 2 ครั้งต่อ 1 Action Point แล้ว แถมยังได้สกิลดีๆเพิ่มมาด้วยนั่นคือ


Stunning Strike (Melee) - ใช้ Action Point และ Ki 1 แต้ม เพื่อเป็นการใช้อาวุธประชิดตีศัตรูและทำให้มีโอกาสติด Stun 1 เทิร์น
Stunning Strike (Unarmed) - ใช้ Action Point และ Ki 1 แต้ม เพื่อเป็นการใช้มือเปล่าต่อยศัตรูและทำให้มีโอกาสติด Stun 1 เทิร์น

ถ้าเราอัพดีๆ Save DC ของท่านี้จะสูงมากครับ อยู่ประมาณ 18 แต้มเลย ทำให้ศัตรูมีโอกาส Stun ได้เยอะมาก จนเปลี่ยนให้เราเป็นตัวทำ Stunlock สำหรับทีมไปเลยล่ะ เนื่องจากท่านี้ให้ Action Point ดังนั้น หลังจากใช้ท่านี้แล้ว คุณยังสามารถใช้ Bonus Action ตีศัตรูด้วย Flurry of Blows ต่อได้ ... แต่จริงๆมันควรจะต้องกลับกันนะครับ คุณควรจะต้อง Flurry of Blows ใส่ก่อนแล้วถ้าศัตรูหรือบอสตัวนั้นยังเหลือเลือดเยอะๆ ก็ให้ทำ Stun เพื่อล็อคเอาครับ แม้จะเปลือง Ki แต่ก็เป็นท่าที่จะทำให้บอสยากๆ กลายเป็นไฟท์โง่ๆไปได้เลยแหละ

การอัพเกรดตัวละครที่ Level 07
Fighter Lv1 / Monk Lv6

และแล้วก็มาถึงการอัพเวล Monk เวลสุดท้าย โดยในรอบนี้เราจะได้สกิลที่จำเป็นมากๆมาหลายอย่างเลยครับ

Improved Unarmoured Movement - เป็นขั้นกว่าของสกิลเก่า เวลาไม่ได้ใส่เกราะหรือโล่ จะเดินได้ไกลขึ้นเป็น 4.5 เมตร ... แน่นอนครับ บิ้วนี้พอใส่เกราะแล้วก็ไม่ได้ใช้ละ 555+
Ki-Empowered Strikes - อันนี้ดีมาก เพราะการโจมตีของเราจะนับเป็น Magical ซึ่งจะสามารถตีทะลุ Resistance ปกติที่กันดาเมจแบบ Non Magical ได้ ... พูดง่ายๆคือ ตีทะลุป้องกันกายภาพได้ประมาณนั้นครับ
Manifestation of Body, Mind, Soul - จริงๆอันนี้มันมี 3 อัน แต่ผมขอมัดรวมกันเลยเพราะมันให้ผลเหมือนกันแต่ต่างกันแค่คนละธาตุ ซึ่งพอเราเปิด Passive สกิลนี้ เราจะเลือกได้อย่างใดอย่างนึง (ธาตุ Necrotic, Radiant และ Psychic) และการโจมตีมือเปล่าของเราจะทำดาเมจธาตุที่เลือกได้ 1-4 ดาเมจ + Wis Modifier ของเรา ... เป็นดาเมจเสริมที่ดี และเป็นเหตุผลที่ผมให้อัพ Wis 16 แต้มสำหรับคนที่พร้อมบิ้วเต็มครับ
Wholeness of Body - สกิลจำเป็นมากๆเลยครับ ใช้ได้ 1 ครั้ง ต่อ 1 Long Rest โดยเมื่อใช้ จะทำการฮีลตัวเอง 18 แต้ม, ฟื้น Ki ครึ่งนึงของ Ki ทั้งหมด (ประมาณ 3 แต้ม) แต่ได้ Bonus Action เพิ่ม 1 แต้ม ... เป็นไงครับ ของดีจัดๆเลยใช่มั๊ยล่ะ เอาไว้ใช้ตอนเจอไฟท์ยากๆได้เหมาะมากๆ

เราจะหยุดการอัพคลาสนี้ไว้เพียงเท่านี้ครับ

การอัพเกรดตัวละครที่ Level 08
Fighter Lv1 / Monk Lv6 / Warlock Lv1

มาเลเวลนี้ เราจะเปลี่ยนไปอัพคลาส Warlock ครับ ซึ่งผู้เชี่ยวชาญหลายๆท่านคงพอเดาออกแล้วว่า ผมอัพมาทางนี้เพื่อจะเอาอะไร 555+

Cantrips - เลือก Eldritch Blast ไปเลยครับ 1 อัน เพราะบิ้วนี้เราใส่เต็มกับค่า Cha อยู่แล้ว ทำให้สามารถใช้เวทย์นี้เป็นทางเลือกในการโจมตีระยะไกลได้ ส่วนอีกอันเลือกอะไรก็ได้ครับ แล้วแต่ชอบเลย

Eldritch Blast
เป็นเวทย์ Cantrips หรือเวทย์ที่ไม่ใช้ Slot เวทย์ในการร่าย และเป็นเวทย์เฉพาะตัวของคลาส Warlock เลยครับ โดยเวทย์นี้จะยิงลำแสงทำดาเมจ 1-10 หน่วยแบบ Force ใส่ศัตรู ซึ่งมีศัตรูน้อยตัวมากที่มีค่า Resistance ดาเมจแบบนี้ ส่วน Eldritch Blast จะมีการอัพเกรดเหมือน Cantrips อื่นๆที่ตัวละครเลเวล 5 และ 10 ... ย้ำว่าเวลตัวละครนะครับ ไม่ใช่ เวลคลาส ซึ่งไม่ได้อัพเกรดดาเมจเหมือนอันอื่นแต่เพิ่มจำนวนลำแสงที่ยิงเอา
> ตัวละครเลเวล 5 จะยิง Eldritch Blast ได้ 2 เส้น ดาเมจ Force เส้นละ 1-10 หน่วย รวม 2-20 หน่วย
> ตัวละครเลเวล 10 จะยิง Eldritch Blast ได้ 3 เส้น ดาเมจ Force เส้นละ 1-10 หน่วย รวม 3-30 หน่วย
ซึ่งความดีงามของมันคือ แต่ละเส้นสามารถเลือกเป้าหมายได้ตามใจ หมายความว่าคุณจะรัวทั้ง 3 เส้นใส่ศัตรูตัวเดียว หรือจะแบ่งยิงเส้นละตัวทำดาเมจครั้งละ 3 ตัวก็ได้ มันจึงเป็นเวทย์ที่ทั้งดีและยืดหยุ่นมากๆครับ


Subclass - เลือก The Fiend ครับ เพราะจะทำให้เราเลือกเวทย์ Fireball ในตอนคลาสนี้เลเวล 5 ได้ แต่ถ้าหากคุณไม่ได้สนใจที่จะใช้ Fireball ก็เลือกเป็นอย่างอื่นได้ครับ


Spells - ในส่วนของเวทย์นั้น ผมแนะนำให้เลือก Hex และ Command ครับ โดยจะอธิบายคร่าวๆดังนี้
> Hex - เวทย์คำสาปที่ใช้แค่ Bonus Action ในการร่าย โดยเราสามารถเลือกให้ศัตรูติด Disadvantage ใน Abilities Check ที่เราเลือกได้ และเมื่อเราโจมตีศัตรูที่โดน Hex จะทำดาเมจ Necrotic เพิ่มได้ 1-6 หน่วย ... แถมเมื่อศัตรูที่โดน Hex ตายไป เราจะสามารถร่าย Hex ใส่ศัตรูตัวอื่นได้ฟรีไม่เสีย Slot เวทย์ของ Warlock ด้วย เรียกได้ว่าร่ายทีเดียวคุ้มยาวๆ จนกว่าคุณจะหลุด Concentrate เลยนู่นแหละครับ


> Command - เป็นเวทย์ CC ศัตรูที่สามารถทำได้หลายอย่างเช่น สั่งให้ศัตรูดรอปอาวุธ, สั่งให้ศัตรูวิ่งหาเรา, หรือสั่งให้ศัตรูคุกเข่าทำอะไรไม่ได้ไป 1 เทิร์นเหมือน Stunned ก็ได้ เป็นเวทย์ CC เลเวลแรกที่ทรงพลังมากครับ แถมพอเรา Upcast แล้วจะทำให้สามารถใช้เวทย์ใส่ศัตรูทีละหลายๆตัวได้ด้วย เรียกได้ว่าเป็นเวทย์ป่วนศัตรูเวล 1 ที่ดีสุดๆเลยล่ะ

การอัพเกรดตัวละครที่ Level 09
Fighter Lv1 / Monk Lv6 / Warlock Lv2

Spells - ในส่วนของเวทย์นั้นจะเอาอันไหนก็ได้ครับเพราะเดี๋ยวเราจะเปลี่ยนไปอันอื่นอยู่แล้ว แต่ผมแนะนำอันนี้
> Hellish Rebuke - เป็นเวทย์ Counter แบบ Reaction ก็ถือเป็นดาเมจแถมที่ดีครับ ยิ่งใช้ Slot เวทย์สูงๆ ยิ่งเพิ่มดาเมจไฟเข้าไปอีก ไว้ใช้สวนศัตรูที่เลือดน้อยๆให้ตายได้สบายๆเลย


Eldritch Invocations - เป็นการเลือกเสริมความแข็งแกร่งให้กับ Eldritch Blast และตัวเราเอง ผมแนะนำให้เลือกตามด้านล่างครับ แต่ถ้าคุณไม่คิดจะใช้ EB อยู่แล้ว ก็สามารถเลือกอย่างอื่นได้เลยนะ

Agonising Blast
เมื่อเราใช้ EB ยิงใส่ศัตรู เราจะบวกค่า Cha Modifier เข้าไปในดาเมจด้วย ยกเว้นค่าจะติดลบ (หรือก็คือ Cha ต่ำกว่า 10) ... อันนี้คือสำคัญมากครับ เพราะบิ้วนี้ ถ้าคุณอัพเต็ม คุณจะมี Cha อยู่ประมาณ 22 แต้ม กล่าวคือ มี Cha Modifier +6 ก็บวกดาเมจไปตามนั้นเลยครับ ... ที่สำคัญคือ ดาเมจที่บวกนี่ เป็นดาเมจต่อ 1 เส้นนะ ถ้ายิงได้ 3 เส้นก็เท่ากับ +18 ดาเมจกันเลยทีเดียวล่ะ


Devil's Sight
จะทำให้คุณมองเห็นในที่มืดได้ 24 เมตร และจะทำให้คุณมองเห็นในเวทย์ที่ทำให้ตาบอดอย่าง Darkness ได้ด้วย อาจจะไม่ได้ดูดีหวือหวามาก แต่ถ้าคุณจะเลือกใช้เวทย์ Darkness แบบบิ้วผม ก็ทำให้คุณสามารถร่ายเวทย์นี้ใส่กลุ่มศัตรูแล้วเข้าไปโจมตีให้ติด Advantage ได้สบายๆเลย ถือเป็นอีก 1 ทางเลือกที่ดีครับ

การอัพเกรดตัวละครที่ Level 10
Fighter Lv1 / Monk Lv6 / Warlock Lv3

Spells - ตอนนี้เราจะเลือกเวทย์เลเวล 2 ได้แล้ว ผมแนะนำกึ่งล็อคคอให้เลือกตามนี้เลยครับ

> Misty Step - เวทย์วาร์ปอเนกประสงค์โดยใช้แค่ Bonus Action เท่านั้น มีไว้เพื่อให้ใช้เข้าออกพื้นที่ต่างๆได้ง่ายขึ้นครับ


> Hold Person - เวทย์สำหรับล็อคศัตรูที่เป็นมนุษย์หรือ Humanoid ทั้งหลาย ซึ่งถ้าล็อคสำเร็จ ศัตรูจะทำอะไรไม่ได้ไป 10 เทิร์น ... นอกจากนี้การโจมตีศัตรูตัวนั้นๆในระยะ 3 เมตรจะติดคริอัตโนมัติ ถือเป็นของดีที่เอาไว้ใช้ล็อคพวกบอสเก่งๆได้ครับ


Replace Spell - แนะนำให้เลือกเวทย์เลเวล 1 อย่าง Hellish Rebuke มาเปลี่ยนครับ เพราะเรามีทางเลือกในการใช้ Reaction และ Warlock Spell Slot ที่ดีกว่าเวทย์นี้เยอะ

Pact Boon - แน่นอนครับ ต้องเลือก Pact of the Blade ห้ามเลือกอันอื่นเด็ดขาด เพราะจะทำให้เราสามารถผูกพันธะกับอาวุธในมือได้ โดยอาวุธที่เรา Bond ด้วยนั้น จะเปลี่ยนไปใช้ค่า Cha เป็น Modifier แทน Str หรือ Dex ในทันที แม้ว่าค่า Cha จะน้อยกว่าทั้งสองค่านั้นก็ตาม ... แต่สำหรับบิ้วนี้ ถ้าบิ้วเต็มแล้ว ค่า Cha เราเยอะครับ ทำให้เป็นการบัฟที่ทำให้เราได้เปรียบในการใช้อาวุธมากขึ้นด้วย เพราะอาวุธที่ Bond นี้จะไม่สามารถหลุดมือเราได้ ป้องกันการโดน Disarm ไปในตัวเลย คุ้มมากๆ

การอัพเกรดตัวละครที่ Level 11
Fighter Lv1 / Monk Lv6 / Warlock Lv4

Cantrips - เลือกอะไรก็ได้ 1 อย่าง ผมแนะนำเป็นสายโจมตีอย่างเช่น Bone Chill ครับ เพราะจะทำดาเมจ Necrotic แล้วทำให้ศัตรูไม่สามารถฮีลตัวเองได้ด้วย


Spells - ตอนนี้เราจะเลือกเวทย์เลเวล 2 ได้อีกอัน ผมแนะนำให้เลือกอันนี้ครับ

> Darkness - สร้างกลุ่มควันความมืดขึ้นมาในระยะวงกว้าง 5 เมตร และทำให้ทุกคนด้านในควันติดสถานะตาบอด Blinded เป็นเวลา 10 เทิร์น ... เมื่อศัตรูติด Blinded เราจะได้ Advantage ในการโจมตีศัตรูตัวนั้นครับ แถมเราจะไม่ติดตาบอดด้วย เพราะเราเลือก Devil's Sight มายังไงล่า (ถ้าคุณไม่ได้เลือกมา ไม่ต้องกังวล เดี๋ยวเลเวลหน้าได้เลือกอีก 1 อันครับ)


Feat - สำหรับอันนี้ ผมขอให้เลือก Great Weapon Master ครับ ... เพราะ Feat นี้นอกจากจะมีโหมด All-In ที่ลด Attack Roll -5 แต่ได้ดาเมจ +10 แล้ว ... ก็ยังมีสกิล Passive ชื่อ Great Weapon Master: Bonus Attack ด้วย อธิบายง่ายๆคือ เมื่อคุณฆ่าศัตรูได้หรือตีติดคริในเทิร์นนั้นๆ คุณจะสามารถใช้ Bonus Action ทำการโจมตีได้อีก 1 ครั้งครับ ... และในบิ้วนี้เราจะถืออาวุธแบบ Versatile แบบ Two-Handed ทำให้เราได้ประโยชน์จาก Feat นี้เต็มๆ

ส่วนเรื่องดาเมจจาก All-In นั้น เช่นเคย อยู่กับสถานการณ์และการตัดสินใจของคุณเลยครับ จะเปิดหรือปิดยังไงก็ได้ แต่จำไว้ว่า +10 ดาเมจเป็นเลขตายตัวนะครับ ซึ่งถ้าคุณจำเป็นต้องเสี่ยงเพื่อเอาดาเมจตรงนั้นแล้วยังมีโบนัสมาแก้ทาง -5 Attack Roll อยู่ ก็อาจจะคุ้มค่าที่จะเสี่ยงครับ

การอัพเกรดตัวละครที่ Level 12
Fighter Lv1 / Monk Lv6 / Warlock Lv5

นี่เป็นเลเวลสำคัญที่จะทำให้ชีวิตคุณเปลี่ยนไปครับ เพราะในเวลนี้ คุณจะได้สกิลที่ชื่อว่า Deepened Pact มา ทำให้ Pact Boon ที่คุณเลือกไว้ตอนเลเวล 10 มีผลแอดวานซ์ไปอีกขั้น โดย Pact of the Blade ที่เราเลือกไว้จะได้รับผลของ Extra Attack มา ... อ่ะ ฟังดูเหมือน เห้ย! ได้มาซ้ำกับของ Monk Lv5 นี่นา เสียของจริงๆ ... ใจเย็นๆครับ เพราะผลของ Extra Attack จากทั้ง 2 ที่นี้มัน Stack กันได้ ดังนั้น เมื่อคุณ Bond กับอาวุธแล้ว คุณจะสามารถใช้อาวุธนั้นโจมตีได้ 3 ครั้ง ต่อ 1 Action Point เลยล่ะ ... ยกเว้นว่าคุณจะเล่นในโหมด Honour ซึ่งมันมีกฎที่ไม่เหมือนปกติ และจะไม่นับ Stack กันครับ

Spells - ตอนนี้เราจะเลือกเวทย์เลเวล 3 ได้แล้ว ผมขอแนะนำอันนี้เลย

> Fireball - เวทย์ยิงลูกไฟทำดาเมจวงกว้างแบบคลาสสิก โดยจะเข้ามาทำหน้าที่อุดจุดอ่อนเรื่อง AOE ของบิ้วนี้ครับ อาจจะไม่ได้แรงมากเท่ากับบิ้วที่เน้นดาเมจไฟอย่างบิ้ว 012 และ 017 แต่ก็เป็น AOE ที่รุนแรงพอจะจัดการกลุ่มศัตรูกี้ๆได้ในการยิงเพียง 1-2 ครั้งครับ


Eldritch Invocations - เลือกเพิ่มอีก 1 อย่าง ผมแนะนำเป็นอันนี้เลยครับ

Repelling Blast
เมื่อเรายิง EB โดนศัตรู (ย้ำว่าต้องโดนนะ) จะผลักศัตรูตัวนั้นๆกระเด็นถอยหลังไป 4.5 เมตร ถ้ายิง EB หลายๆเส้นใส่ศัตรูตัวเดียว จะกระเด็นได้แค่ครั้งเดียว ... อันนี้ก็ดีมากครับสำหรับผลักศัตรูออกจากระยะประชิดได้ แถมยังเปิดปิดได้อิสระตามใจเราเลยด้วย มีประโยชน์มากๆเลยล่ะครับ

Equipment อุปกรณ์สวมใส่ที่จำเป็น
MINOR SPOILER ALERT!!!

สำหรับอุปกรณ์สวมใส่ที่จำเป็นนี่ ยังไงก็คงหลีกเลี่ยงการสปอยได้ยาก ... แต่ก็เช่นเดิม ผมจะทำแถบปิด Spoiler เอาไว้ และจะ Spoil ให้น้อยที่สุดครับ

หากใครกลัวพลาดหรือแค่อยากรู้ว่าชิ้นไหนทำอะไรได้บ้างจริงๆ ให้ข้ามไปดูสรุปข้อมูลได้เลย

Helmet ส่วนหัว/หมวก
Birthright

หาซื้อได้จาก Sorcerous Sundries ใน Act 3 ... ขายโดยร่างจำแลงของ Lorroakan หรือ Rolan ถ้ายังเขายังมีชีวิตรอดจาก Act 1 และ 2 มาได้

Cloak ส่วนผ้าคลุม
Cloak of Protection

หาซื้อได้จาก Quartermaster Talli ที่ Last Light Inn ใน Act 2

Armor/Clothing ส่วนเกราะ/ชุด
Armor of Persistence

หาซื้อได้จาก Dammon ที่ Baldur's Gate ใน Act 3 Dammon จะต้องไม่ตายใน Act 1 (ต้องเลือกช่วย Druid Grove) และ Act 2 (ต้องเลือกช่วย Isobel) นะครับ ถึงจะมีให้ซื้อใน Act 3 ได้

Gloves ส่วนถุงมือ
Gauntlets of Frost Giant Strength

ได้จาก House of Hope ใน Act 3 อยู่ในห้องโชว์ Artifact ที่เดียวกันกับ Orphic Hammer

Boots ส่วนรองเท้า
Boots of Uninhibited Kushigo

หาได้จาก Astral Plane ในตอนเริ่ม Act 3 ... ดรอปจาก Githyanki Monk ตัวนึงที่เราต้องไปช่วย The Emperor สู้

Amulet ส่วนสร้อยคอ
Amulet of Greater Health

ได้จาก House of Hope ใน Act 3 อยู่ในห้องโชว์ Artifact ที่เดียวกันกับ Orphic Hammer

Rings ส่วนแหวน
Ring of Protection

หาได้จาก Druid Grove ใน Act 1 ... เป็นรางวัลของเควส Steal the Sacred Idol ของ Mol หลังจากที่เราไปขโมยรูปปั้นมาให้เธอแล้ว

Band of the Mystic Scoundrel

หาได้จากกระเป๋าในป่าโลกล้านปี ที่เดียวกับที่เราได้สามง่าม Nyrulna โดยเราต้องได้ Jackpot กงล้อของจินนี่ที่ชื่อว่า Akabi ในคณะละครสัตว์ที่ Rivington ใน Act 3 ... โดยเราต้องขโมยแหวนจากมัน เพื่อให้เราสามารถได้แจ๊คพ็อต แล้ว Akabi จะจับได้ว่าเราโกง(ทั้งๆที่มันก็โกง) และจะวาร์ปเราไปในป่าที่เต็มไปด้วยไดโนเสาร์ครับ ให้สำรวจรอบๆดูจะพบกับกระเป๋าที่มีแหวนนี้อยู่ ก็เก็บมาได้เลย อ่อ อีกอย่าง คนที่วาร์ปไปนั้นจะไปคนเดียวและเป็นคนที่ไปหมุนกงล้อ ดังนั้น เลือกคนที่เก่งๆพอจะ Solo ได้นะครับ

Melee Weapon ส่วนอาวุธประชิด
Staff of the Ram

หาได้จาก Elerrathin's Home ใน Baldur's Gate ที่ Act 3 ... ลงไปห้องใต้ดิน Jaheira's Hideout Basement ไม้เท้านี้อยู่ในหีบที่อยู่ในห้องหลังตู้หนังสือ

Drakethroat Glaive

หาซื้อได้จาก Roah Moonglow ที่ Moonrise Towers ใน Act 2

Range Weapon ส่วนอาวุธระยะไกล
Gontr Mael

หาได้จาก Steel Watch Foundry ใน Act 3 … ดรอปจากบอส Steel Watch Titan หลังจัดการแล้วอย่าลืมเก็บมานะครับ เพราะถ้าเราเลือกระเบิดโรงงานแล้วจะกลับเข้าไปอีกไม่ได้แล้วครับ
สรุปความจำเป็นของอุปกรณ์แต่ละชิ้น
Birthright - ใส่เพื่อเพิ่ม Cha+2 แต้ม ดูเหมือนน้อยแต่จำเป็นมากๆสำหรับบิ้วนี้ครับ เพราะ 2 แต้มนี้ หมายถึง Cha Modifier+1 ในตัวมันเองเลยนะ ในบิ้วนี้เราไม่ได้เลือก Feat ไว้อัพ Cha ดังนั้นหมวกนี้ก็จำเป็นที่จะเอาไว้ดึง Cha ให้ได้ 22 แต้มครับ
Cloak of Protection - ใส่เพื่อเพิ่ม AC+1 และ Saving Throw +1
Armor of Persistence - ใส่เพื่อให้ได้ AC20 และยังได้ Resistance ของการโจมตีกายภาพทั้ง 3 แบบ (Slashing, Bludgeoning, Piercing) จากสกิล Blade Ward และ +1-4 Saving Throw จากสกิล Resistance ... อีกทั้งยังลดดาเมจทุกประเภทที่โดนลงอีก 2 หน่วย เป็น 1 ในเกราะหนักที่ดีที่สุดในเกมครับ
Gauntlets of Frost Giant Strength - ปรับ Strength ของเราให้เป็น 23 เป็นเหตุผลที่บิ้วนี้ผมลด Str ลงไปเหลือ 8 เป็นของเทพอีกอย่างที่หาได้ในช่วง Endgame ครับ
Boots of Uninhibited Kushigo - นี่ก็คือของเทพอีกชิ้นของสาย Monk เลย เพราะจะเพิ่ม Wis Modifier เข้าไปให้กับดาเมจการโจมตีด้วยมือเปล่าของเรา โดยในบิ้วนี้ เราจะได้ +3 แต้มเพราะมี Wis 16 แต้ม
Amulet of Greater Health - ปรับ Constitution ของเราให้เป็น 23 ของดีที่ต้องมีไว้ในครอบครอง
Ring of Protection - ใส่เพื่อเพิ่ม AC+1 และ Saving Throw +1
Band of the Mystic Scoundrel - เมื่อเราโจมตีด้วยอาวุธโดนศัตรู จะทำให้เราสามารถร่ายเวทย์สาย Enchantment ด้วย Bonus Action ได้ ถือเป็นทางเลือกในการใช้ Bonus Action ที่ดีมากๆครับ เพราะบิ้วนี้เราจะมีทั้ง Command และ Hold Person เอาไว้ใช้ในกรณีจำเป็นได้
Staff of the Ram - อาวุธประชิดในการโจมตี นอกจากเสียงชวิ้งๆเวลากวัดแกว่งแล้ว เมื่อเราโจมตีศัตรู ไม้เท้านี้ยังสามารถให้ผลในการผลักศัตรูออกไป 2 เมตร และทำ Stun เป็นเวลา 1 เทิร์นด้วย (มีผลได้ 1 ครั้ง / 1 เทิร์น) ... ฟังดูก็เฉยๆใช่มั๊ยครับ แต่ช้าก่อน ประเด็นคือ ถึงคุณโจมตี Miss แต่ถ้าศัตรู Saving Throw ไม่ผ่านก็จะกระเด็นและติด Stunned ได้นะ!!! ใครที่ไม่เชื่อ ลองดูตัวอย่างในคลิป Tactician Solo Showcase ในหมวด Bonus ได้ครับ
Drakethroat Glaive - ไม่ได้ใส่ แต่เอาไว้ร่ายสกิล Draconic Elemental Weapon ให้กับอาวุธหลักที่เราใช้แค่นั้น
Gontr Mael - ใส่เพื่อเอาสกิล Celestial Haste ของธนู ซึ่งให้ผลเหมือน Haste เลยแต่ตอนหลุด Concentrate จะไม่ทำให้มึน และระยะเวลามีผลแค่ 5 เทิร์นครับ ... นอกจากนี้ ยังเอาไว้ใช้โจมตีในระยะไกล กรณีที่เราเหลือ Extra Attack แต่เดินไม่ถึงได้อีกด้วย
Items อื่นๆที่จำเป็นสำหรับบิ้ว
Elixir of Bloodlust

ยาเทพที่ทุกคนต้องมี ผลของมันคือ เมื่อฆ่าศัตรูได้ จะได้ Action Point คืนมา 1 แต้ม มีผล 1ครั้ง/1เทิร์น นั่นหมายความว่า ถ้าคุณฆ่าศัตรูได้ในเทิร์นนั้น คุณจะโจมตีฟรีได้อีก 3 ครั้งครับ


Sentient Amulet (Very Rare)

ถ้าสร้อย Spellcrux Amulet พวกนั้นคือสร้อยสำหรับฟื้น Slot เวทย์ของสายนักเวทย์ สร้อยนี้ก็คือสร้อยสำหรับฟื้นค่า Ki ของสาย Monk ครับ โดยสร้อยนี้จะมีสองเวอร์ชั่น แต่เวอร์ชั่นที่ผมแนะนำจะเป็นเวอร์ชั่น Very Rare ที่จได้หลังทำเควสของสร้อยนี้แล้ว (ไม่มีสปอยครับ) ซึ่งจะทำให้สามารถฟื้นค่า Ki ได้ตามเต๋า Martial Arts Die ของ Monk หรือก็คือ
  • Monk เลเวล 1-2 จะฟื้นค่า Ki ได้ 1-4 แต้ม ... ใช้ได้ 1 ครั้ง ต่อ 1 Long Rest
  • Monk เลเวล 3-8 จะฟื้นค่า Ki ได้ 1-6 แต้ม ... ใช้ได้ 1 ครั้ง ต่อ 1 Long Rest
  • Monk เลเวล 9-12 จะฟื้นค่า Ki ได้ 1-8 แต้ม ... ใช้ได้ 1 ครั้ง ต่อ 1 Long Rest
ส่วนเวลาใช้ก็ให้สลับมาใส่แล้วใช้สกิล Ki Restoration แล้วสลับกลับไปใส่สร้อยหลักครับ
Illithid Powers & Passive Bonus ที่จำเป็น
MAJOR SPOILER ALERT!!!

จริงๆถึงไม่มีพวกนี้ก็เล่นได้ แต่ถ้าอยากไปให้สุดก็ควรต้องมีบัฟและสกิลพวกนี้ครับ ผมจะแบ่งออกเป็นสองส่วนหลักๆก่อน คือ 1.Illithid Powers ที่แนะนำและ 2.Permanent Passive Buff ที่จำเป็นสำหรับบิ้วนี้

Illithid Powers ที่แนะนำกับบิ้วนี้

ผมจะยกมาแค่อันที่จำเป็นๆนะครับ แต่ถ้ามีโอกาสอัพเต็มก็ทำได้เลยครับ ได้ใช้คุ้มแน่นอนเพราะสกิลพวกนี้มัน OP เอามากๆ และก็ไม่ได้ส่งผลกับเนื้อเรื่องในเกมมากมายอย่างที่เรากลัวด้วยครับ

Luck of the Far Realms
เมื่อเราโจมตีศัตรูโดน จะสามารถบังคับติด Critical ได้ ใช้ได้ 1 ครั้ง / 1 Long Rest ถือว่าเป็นสกิลที่จำเป็นสำหรับสายโจมตีเลยครับ เพราะเราจะบังคับติดคริได้
Cull the Weak
เมื่อเราลดเลือดศัตรูให้ต่ำกว่าจำนวน Tadpole ในหัวเรา ศัตรูจะตายทันทีและระเบิดทำดาเมจพลังจิตใส่ศัตรูใกล้เคียงอีก 1-4 หน่วย เป็นสกิลที่ดีมาก สำหรับคนที่ใช้พลังของ Tadpole เยอะๆอยู่แล้ว เพราะถ้าคุณอัพเกรดจนครบ แค่คุณลดเลือดศัตรูลงมาเหลือแค่นิดหน่อยก็สามารถฆ่าศัตรูตัวนั้นได้ทันที พูดง่ายๆคือ ยิ่งใช้หนอนมาก สกิลนี้ก็ยิ่งได้ผลดีมากขึ้น และบอกลาความเซ็งตอนศัตรูเหลือเลือด 1 ไปได้เลย
Fly
อีกสกิลที่ตรงตามตัวเป๊ะๆเลย ทำให้เราสามารถเคลื่อนที่ได้ดีกว่าเดินปกติมากๆ ซึ่งสกิลนี้จะได้มาฟรีๆ เมื่อเรายอมเปิดใจรับพลังจาก Astral Tadpole ที่ได้จาก The Emperor ในตอนต้น Act 3 ครับ (แต่ต้องยอมลดสวยลดหล่อ มีเส้นเลือดดำขึ้นหน้านะ 5555)

Permanent Passive Buff ที่จำเป็นกับบิ้วนี้

ผมจะยกมาแต่อันที่จำเป็นนะครับ แต่ถึงพลาดไปก็ไม่เป็นไร แค่อย่างน้อยขอให้ได้บัฟ Cha+3 จากตอน Act 3 ได้ก็พอ ... ถ้าไม่ได้บัฟเลยถามว่าเล่นได้มั๊ย ก็เล่นได้ครับ แต่จะไม่สุดเท่าคนที่มีบัฟแค่นั้นเอง

[Act 1] Abilities+1 จากหนังหัวของป้าแม่มด Ethel
ได้จากการปราบป้า Ethel ในรังแม่มดที่ Act 1 ก่อนป้าจะตายจะทำการต่อรองให้เราไว้ชีวิตโดยแลกกับหนังหัวเพิ่มค่า Abilities ค่าใดค่าหนึ่ง จำนวน 1 แต้มครับ ... เช่นเดิม ลองดูความจำเป็นคนในทีมด้วยก็ดีครับ

ถ้าเราจะเอาค่าโบนัสจากข้อนี้ ผมล็อคคอให้เลือก Cha เท่านั้นครับ ห้ามเอาอย่างอื่นมานะ ไม่งั้นจะตีมือเลย 5555+

[Act 3] Abilities+2 จากกระจก Mirror of Loss
หลังจากทำเควสของ Shadowheart ใน House of Grief แล้ว เข้าไปห้องด้านในที่เจอพ่อแม่ของน้อง จะมีกระจก Mirror of Loss อยู่ ตรงนี้ผมแนะนำให้เซฟไว้ก่อนนะครับ เพราะกระจกนี่ต้องผ่าน Skill Check หลายรอบมาก ผมจะเรียงไว้ให้คร่าวๆประมาณนี้
1. การ Activate กระจก ต้องผ่าน Skill Check สองอย่างคือ Religion (DC20) และ Arcana (DC25)
2. หลัง Activate กระจกแล้ว คนที่จะเพิ่ม Stat ต้องผ่าน Skill Check Religion (DC25) ของใครของมันเป็นรายบุคคลไป
3. หลังจากผ่านเช๊คทั้งหมดแล้ว เราจะสามารถมอบ Abilities 1 ใน 6 อันไหนก็ได้ของเราให้กับกระจก 2 แต้ม แล้วจะสามารถเลือกเพิ่ม Abilities 1 ใน 6 อันไหนก็ได้ของเรา 2 แต้มแทน เช่น คุณอาจะแลก Wis-2 แล้วเอา Cha+2 แทน
4. หลังจากเลือกได้แล้ว ให้ใช้ Remove Curse ลบคำสาปที่โดน -2 อยู่ ก็จะทำให้เรามีบัฟ +2 Abilities ที่เราเลือกไว้ฟรีๆอย่างถาวรครับ
5. ทำซ้ำข้อ 2-4 กับตัวละครอื่นๆได้ ยกเว้นจะเฟล Skill Check คนนั้นจะอดบัฟนี้ไปเลยถาวรครับ

[Act 3] Cha+1 จากกระจก Mirror of Loss
วิธีทำตามในคลิปด้านล่างได้เลยครับ แต่ผมจะพิมพ์อธิบายไว้คร่าวๆประมาณนี้
1. Activate กระจกเหมือนเดิม
2. อย่าเพิ่งผ่าน Religion Check รายบุคคล ให้แลก Stat -2 เพื่อสุ่มหา Patriar's Memory ครับ ... ใช่ครับ สุ่มนะครับ อาจจะไม่ได้ 100% ดังนั้นควร Quicksave ไว้ก่อนด้วยครับ
3. สุ่มจนกว่าจะได้ข้อความแบบในรูปด้านล่าง
4. กลับไปทำ Religion Check แล้วแลก Stat ตามปกติครับ

https://www.youtube.com/watch?v=ISy1fKM_mWo

ซึ่งจาก Permanent Passive Buffs ทั้งหมดที่กล่าวมา คุณจะมีโอกาสเพิ่ม Cha ได้ +3 ถึง +4 แต้มเลย ... แต่ผมแนะนำให้เอาที่ +3 ก็พอครับ เพราะถึงคุณได้ Cha+4 มาเต็มๆ สุดท้าย Cha สูงสุดที่ทำได้ของบิ้วนี้ก็จะอยู่ที่ 22 อยู่ดีเพราะ Feat เราไม่ได้เอาไปเพิ่ม ASI อย่างบิ้วอื่นๆครับ
วิธีการเล่นของบิ้วนี้โดยละเอียด
Role และแนวทางการเล่น
เนื่องจากหลวงพี่ของเรานี้ มีความสามารถในการโจมตีได้หลากหลายรูปแบบ เลยต้องยกให้เป็น Frontline แบบ All-Rounder ครับ เพราะเราสามารถ Tank รับดาเมจทางกายภาพได้, โจมตีด้วยอาวุธก็ได้, โจมตีด้วยมือเปล่าก็ดี, ทำ CC ล็อคสตั๊นศัตรูได้, ร่ายเวทย์คาถาอาคมทำ CC ศัตรูหลากหลายรูปแบบ, ยิงธนูหรือลำแสงเวทย์มนต์ใส่ในระยะไกลก็ได้, วาร์ปไปที่ต่างๆได้, ยิงลูกไฟทำดาเมจวงกว้างใส่ศัตรูได้ หรือแม้กระทั่งสร้างความมืดมาทำให้ศัตรูมองไม่เห็นก็ยังได้ โอ๊ย! ยังจะเอาอะไรอีก ... ที่ทำไม่ได้ก็น่าจะเป็นแค่เรื่อง Summon ผู้ช่วยโหดๆกับฮีลเพื่อนเท่านั้นแหละครับ

แต่ก็ไม่ใช่ว่าบิ้วนี้จะไม่มีจุดอ่อนเลยนะ เนื่องจากเรากระจายความสามารถหลายด้านมากๆ ทำให้ดาเมจมันไม่ได้สุดเท่ากับบิ้วที่เน้นความสามารถด้านใดด้านนึงอยู่แล้วครับ เช่น Warlock Spell Slot ที่ฟื้นได้ทุกๆ Short Rest แต่ก็มีได้แค่เลเวล 3 จำนวน 2 ช่อง ทำให้ร่ายเวทย์ได้จำกัดในแต่ละไฟท์ แถมตอนร่ายยังต้องระวัง Counterspell จากนักเวทย์ศัตรูด้วย แม้แต่ดาเมจด้วยการโจมตีของอาวุธหรือมือเปล่า ก็ไม่สามารถดันได้สูงเหมือนพวกบิ้วเมต้า ... แต่ไม่ต้องซีเรียสไป ด้วยความสามารถที่มี ก็ทำให้บิ้วนี้ผ่านการสอบ Solo Tactician Basilisk Gate ได้สบายๆครับ

การเตรียมพร้อมแบบ Step by Step

1. กินยา Elixir of Bloodlust
สรรพคุณตามที่แจ้งไว้แล้วครับ เท่ากับว่าถ้าคุณฆ่าศัตรูได้ในเทิร์นนั้น คุณจะโจมตีเพิ่มได้อีก 3 ทีเลย

2. ดรอปอาวุธ Staff of the Ram ไว้ที่พื้น ใส่ Drakethroat Glaive แล้วบัฟดาเมจธาตุให้อาวุธนั้น
มาถึงขั้นตอนในการเพิ่มดาเมจให้ตัวเรากันแล้วครับ โดยเริ่มจากการใส่ง้าว Drakethroat Glaive เพื่อให้ได้สกิล Draconic Elemental Weapon ซึ่งสกิลนี้จะบัฟให้อาวุธใดๆมีดาเมจธาตุที่เลือก 1-4 ดาเมจ ก็เลือกดาเมจธาตุที่คุณชอบได้เลยครับ ถ้าเล่นกับเพื่อนที่เล่นสายน้ำแข็งหรือสายฟ้า ก็เลือกธาตุเหล่านั้นก็ดีนะ จะได้ได้ประโยชน์ร่วมกันครับ

3. ใช้สกิล Bind Pact Weapon กับ Hellfire Greataxe
สำคัญมากครับ เพราะพอเรา Bind ไม้เท้าแล้ว จะใช้ Cha Modifier เป็นตัว Modifier ของอาวุธแทน ทำให้เราได้ดาเมจเพิ่มเน้นๆเลย แถมยังกันอาวุธหลุดมือได้ และทำให้สามารถโจมตีได้ 3 ครั้งต่อ 1 Action Point ได้ด้วย

4. ร่าย Celestial Haste ก่อนเข้าการต่อสู้ (Optional)
เนื่องจากบิ้วนี้มี Celestial Haste จากธนูให้ใช้เพียงแค่ครั้งเดียว คุณอาจจะเก็บไว้ใช้ทีหลังก็ได้นะครับ อันนี้ขึ้นอยู่กับว่าอยากจะจัดการศัตรูให้เร็วขึ้นแค่ไหน

การใช้งานบิ้วนี้ในการต่อสู้แบบ Step by Step
ด้วยความที่บิ้วนี้สามารถเล่นได้อย่างหลากหลาย เอาเป็นว่าผมจะเขียนคร่าวๆ พอเป็นไอเดียให้นะครับ

1. โจมตีและฆ่าศัตรูให้ได้อย่างน้อย 1 ตัว เพื่อให้ผลของยา Bloodlust ทำงาน
เป็นสิ่งแรกที่ควรทำก่อนเลย ข้อนี้ผมแนะนำให้เน้นตัวที่เลือดน้อยๆ หรือพวกนักเวทย์ก่อนเพื่อเอา Action Point ฟรีจากผลของยา Bloodlust ครับ ... ใครที่มีพลัง Tadpole ระวังผลจาก Cull the Weak นะครับ เพราะถ้าศัตรูตายด้วยพลังนี้ มันจะไม่นับว่าเราฆ่า (ดูตัวอย่างได้ในช่วงต้นของคลิป Solo Tactician Showcase)

2. ใช้วิชาวรยุทธที่มี เข้าห้ำหั่น ฆ่าฟันศัตรูให้หมดสิ้น
อันนี้คือความหลากหลายที่บอกครับ คุณจะใช้การโจมตีแบบไหนก็ได้ ทั้งมือเปล่า อาวุธใกล้ อาวุธไกล ทั้งเวทย์มนต์เดี่ยวหรือมหมู่ คือ ได้หมดตามใจหรือสถานการณ์ที่คุณเจอเลย

3. ใช้ท่า Stunning Strike หรืออาวุธโจมตีใส่ศัตรูที่โหดๆหรือมีเลือดเยอะ
แน่นอนครับ ว่าพวกศัตรูเก่งๆมักจะมีเลือดเยอะและดาเมจที่โหดกว่าศัตรูปกติ ... แต่จะมีประโยชน์อะไร ถ้าศัตรูพวกนั้นโดน Stunned แล้วเสียเทิร์นไปฟรีๆ 1 เทิร์น ... แถมใน 1 เทิร์นนี้ คุณสามารถทำ Stun ศัตรูได้หลายทีด้วย ต้องขอบคุณผลจาก Extra Attack และ Deepened Pact ที่ทำให้เราโจมตีได้ 3 ครั้ง ต่อ 1 Action Point ครับ ... และความสามารถของไม้เท้าที่ใช้นั้น แม้เราจะตี Miss แต่ก็ยังมีโอกาสทำให้ศัตรูติด Stun ได้นะครับ โกงจริงๆ 555+

รายชื่อเหล่ากระบวนท่าแห่งเส้าหลิน
ไหนๆนี่ก็เป็นบิ้วที่ 20 แถมยังตั้งชื่อบิ้วเป็นพระแห่งวัดเส้าหลินอีก งั้นเราก็มาเพิ่มความเบียวด้วยการอธิบายวิชากระบวนยุทธทั้ง 14 ท่า ด้วยแบบฉบับสไตล์หนังจีนกำลังภายใน ให้เหล่าผู้ศรัทธาได้เรียนรู้เพื่อนำไปใช้งานได้อย่างเต็มที่กันดีกว่าครับ ... ถือเป็นหมวดพิเศษฉลองครบ 20 บิ้วก็แล้วกันเนาะ 555+

1. วิชาไม้เท้าตีสุนัข (Stunning Strike)
วิชาที่สืบทอดกันมาจากพรรคกระยาจก (แล้วไปขโมยมายังไงก่อน) มีความสามารถทำให้คู่ต่อสู้ติด Stun และทำอะไรไม่ได้ไป 1 เทิร์นเต็มๆ แถมยังสามารถใช้กระบวนท่านี้ได้หลายครั้งใน 1 เทิร์นด้วย ... ออกไปทำให้คู่ต่อสู้ของท่านไม่มีโอกาสตอบโต้กันเถิดท่านสหายชาวยุทธ


2. วิชาเพลงฝ่ามือสยบมังกร (Flurry of Blows)
หากวิชาทั้งหลายยังไม่ทำให้ท่านเข้าถึงความเป็นจอมยุทธ ลองวิชาฝ่ามือสยบมังกรของพรรคกระยาจก(อีกแล้ว)ดูสิ แถมยังมีให้ใช้ได้ถึง 3 กระบวนท่า (ผลักให้กระเด็น, ทุบให้มึนงง และเตะตัดขาให้ล้ม) นี่ยังเป็นวิชาที่ใช้แค่ Bonus Action เท่านั้น และยังมีความแม่นยำในการโจมตีที่สูงมาก ... แม้แต่มังกรยังต้องยอมสยบ นับประสาอะไรกับศัตรูผู้มีฝีมือดั่งแมวสามขาเหล่านั้นเล่า


3. วิชาคันศรพิฆาตมาร (Bolt of Celestial Light)
หากพวกท่านรู้สึกว่าอาตมาขาสั้น แน่นอน เพราะอาตมาใส่เกราะหนักอยู่ใต้จีวรยังไงเล่า ... แต่ก็มิใช่เรื่องลำบาก เพราะด้วยวิชาคันศรแห่งธรรม ที่แค่ยิงไปครั้งเดียว ก็จะทำให้ธนูของท่านมีดาเมจแสง 1-4 หน่วยใช้ไปตลอดทั้งวัน แถมยังมีโอกาสทำให้ศัตรูติดสถานะ Frightened จนขยับไม่ได้เป็นเวลา 2 เทิร์นอีกด้วย ... จงยิงศรออกไปด้วยจิตใจที่แน่วแน่เข้มแข็ง(แล้ว Critical Miss) ดั่งแสงธรรมสาดส่องเหล่ามวลปีศาจร้ายเถิด


4. วิชาดาวเคลื่อนดาราคล้อย (Defect Missile)
วิชาแห่งกฎที่ว่า กรรมใดใครก่อกรรมนั้นคืนสนอง ... เป็นวิชาตระกูลมู่หยงที่ใช้เคล็ดหักล้างดาเมจ และสะท้อนลูกธนูของข้าศึกกลับไปหาเจ้าตัว ... ทำให้พวกโง่เง่านั่นรู้ว่า แม้อยู่ในที่สูงหรือไกลเพียงใด ก็มิอาจหลีกเลี่ยงชะตากรรมแห่งความเจ็บปวดได้


5. วิชาเคล็ดอสูรฝ่ามือไร้ลักษณ์ (Eldritch Blast)
อวิชาแห่งฝ่ายมาร ที่ใช้กำลังภายในยิงฝ่ามือออกไปเยี่ยงกระสุนปืน แถมยิงได้สูงสุด 3 นัด ทำดาเมจใส่เหล่าศัรูผู้น่าสงสารให้มอดม้วย แถมยังสามารถยิงได้เรื่อยๆไม่จำเป็นต้องใช้กำลังภายใน (Ki) หรือพลังอาคม (Spell Slot) แต่อย่างใด ... จงโจมตีศัตรูด้วยพลังที่มิอาจมองทัน แล้วชัยชนะจะเป็นของท่านอย่างแน่นอน


6. วิชาดรรชนีบุปผามรณะ (Bone Chill)
เมื่อเหล่ามวลศัตรูสามารถฟื้นพลังชีวิตได้ ข้อขอแนะนำให้ท่านใช้ดรรชนีบุปผามรณะนี้ โจมตีใส่ศัตรู สกัดจุดมิให้ศัตรูทั้งหลายฮีลตัวเองได้ แต่เนื่องจากกระบวนท่านี้ไม่ได้รุนแรงมากนัก แถมยังมาสามารถพลาดเป้าได้ แม้จะไม่ใช้กำลังภายใน (Ki) หรือพลังอาคม (Spell Slot) ใดๆก็ตาม ... ดังนั้น จึงควรใช้อย่างระมัดระวังและใช้ในยามจำเป็นเท่านั้นนะสหาย


7. วิชาคัมภีร์เปลี่ยนเส้นเอ็น (Wholeness of Body)
เคล็ดวิชาสุดยอดแห่งวัดเส้าหลิน ที่จะทำให้เราฟื้นคืนจากอาการบาดเจ็บ แถมยังคลายจุดเพิ่มกำลังภายใน (Ki) และทำให้ท่านผู้เยี่ยมยุทธ มี Bonus Action ใช้เพิ่มอีก 1 แต้มเป็นเวลา 3 เทิร์น เป็นวิชาสุดยอดที่จะใช้ได้เพียง 1 ครั้ง / 1 วันเท่านั้น ... จงใช้อย่างระมัดระวัง และออกไปสั่งสอนให้พวกมันได้รู้ว่าผู้ใด คือผู้ที่เยี่ยมยุทธที่สุดในใต้หล้า


8. วิชาเคล็ดหมื่นเทพเทวะ (Celestial Haste)
หากท่านต้องการพละกำลังและความรวดเร็วดังหมื่นม้าพันทัพเป็นช่วงระยะเวลาสั้นๆ จงนึกถึงวิชานี้ เพราะวิชานี้จะทำให้ท่านได้ Action Point 1 แต้มฟรีๆเป็นเวลา 5 เทิร์น แถมยังไม่มีผลข้างเคียงจากวิชาด้วย เสียก็เพียงแต่สามารถใช้ได้ 1 ครั้งต่อ 1 วันเท่านั้น ... จงใช้พลังทั้งหมดของท่าน ออกไปจัดการเหล่ามวลศัตรูให้มอดม้วยอาสัญกันเถิดสหาย


9. วิชาเคล็ดอสูรวาจาคำสาป (Hex)
วิชาในการสาปแช่งศัตรู ทำให้ศัตรูของท่านโดนดาเมจ Necrotic เพิ่มขึ้นมาจากการโจมตีทุกๆอย่าง และเมื่อศัตรูของท่านได้มรณะไปแล้ว ก็ยังสามารถย้ายคำสาปไปยังผู้โชคร้ายถัดไปได้ แต่เนื่องจากการใช้คำสาปนี้ต้องใช้พลังอาคม (Spell Slot) ก็อาจจะไม่คุ้มค่ากับการเสียโอกาสร่ายอาคมอื่นๆ ... จงสาปแช่งศัตรูให้มอดม้วยมรณาตายคาฝ่ามืออุ้งเท้าของเหล่าท่านเถิด


10. วิชาเคล็ดวาจากายสิทธิ์ (Command)
ใช้พลังอาคม ปลดปล่อยวาจากายสิทธิ์ ที่จะทำให้ศัตรูต้องทำตามคำสั่งอย่างมิอาจฝ่าฝืนได้ ... สามารถใช้ได้ถึง 5 คำสั่ง ... จงคำรามเปล่งเสียงบงการศัตรูให้ทำตามรับสั่งของท่านแต่โดยดีซะ


11. วิชาท่าเท้าท่องคลื่น (Misty Step)
เมื่อท่านอยู่ในสถานการณ์คับขัน ลองใช้ Bonus Action ในการใช้วิชาตัวเบานี้(วาร์ป)หลบหนีออกมาดูสิ เพียงแต่วิชานี้ต้องใช้พลังอาคม (Spell Slot) ซึ่งอาจจะเป็นการใช้อคมอย่างสูญเปล่า ... ดังนั้น ก่อนใช้กระบวนท่านี้ ขอให้ท่านคิดคำนวนให้ดีและถี่ถ้วนเสียก่อนว่าคุ้มที่จะใช้หรือไม่


12. วิชามหาเวทย์ผนึกมาร (Hold Person)
เทพวิชาที่สืบทอดกันมาตั้งแต่สมัยโกโจซาโตรุ ... อะไรนะ ผิดเรื่องงั้นหรือ? โอเค ความผิดของข้าน้อยเอง ... วิชานี้เป็นวิชาที่ใช้ในการผนึกศัตรู ทำให้ศัตรูทำอะไรไม่ได้เป็นเวลา 10 เทิร์น แถมเมื่อโจมตีศัตรูในระยะ 3 เมตร จะติด Critical 100% ด้วย ... จงผนึกเหล่าศัตรูและส่งพวกมันลงนรกอย่างรวดเร็วซะท่านจอมยุทธ


13. วิชาเคล็ดอสูรอนธการ (Darkness)
วิชาอาคมในการกางอาณาเขตความมืด ทำให้เหล่าศัตรูตามืดบอดจนมองไม่เห็น และเปิดช่องโหว่ให้ท่าน ผู้ที่มีสายตาที่มองเห็นในความมืด ได้กระหน่ำกระบวนยุทธใส่ศัตรูผู้เราะห์ร้ายเหล่านั้น ... จงร่ายมนต์ดำแล้วเข้าไปฟาดฟันเหล่าศัตรูให้สาแก่ใจ


14. วิชาเพลิงอัคคีผลาญโลกา (Fireball)
วิชาอาคมขั้นสูงที่สามารถสร้างและขว้างบอลอัคคีที่สามารถระเบิดเป็นวงกว้างทำลายทุกสิ่งที่อยู่ด้านในรัศมีแห่งเพลิงผลาญนี้ ... จงรวบรวมไฟที่ลุกโชนอยู่ในตัวท่าน แล้วสาดความร้อนแรงออกไปให้ศัตรูมอดไหม้เป็นเถ่าถ่านซะ


เป็นยังไงบ้างครับ กับเหล่าวิชายุทธของบิ้วนี้ หวังว่าจะพอเป็นไอเดียให้ทุกท่านสามารถเอาไปเลือกใช้งานได้อย่างสนุกสนานนะครับผม
Conclusion
ไม่เคยคิดไม่เคยฝันเลยว่าจะทำบิ้วไกด์มาจนถึง 20 บิ้วแล้ว เป็นอะไรที่ตัวผมเองก็แปลกใจเหมือนกันครับ เพราะเอาตามตรง ตอนแรกผมแค่คิดว่าจะทำประมาณ 10 บิ้วพอ แต่กลับสนุกในการทำบิ้วมากๆ จนเลยเถิดมาถึงสองเท่าของที่คิดไว้แล้ว และยังมีอีกหลายบิ้วที่อยู่ในหัวแต่ยังไม่ได้ลองปั้นออกมา ... ก็คงต้องยาวๆกันไปครับ 555+

ถือว่าฉลองการต้อนรับ Patch 7 ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นอัพเดทใหญ่สุดท้ายไปละกันครับ (ไม่รวมพวก Hotfix ตามหลังเรื่อยๆตามสไตล์ของ Larian) และต้องขอขอบคุณผู้อ่านทุกท่านที่เข้ามาอ่าน มาพูดคุย มาแบ่งปันกันนะครับ ไม่ว่ายังไง Baldur's Gate 3 นี่ก็ยังเป็นเกมในดวงใจของเราเสมอ และผมก็จะทำคอนเท้นท์ฝึกการอ่านนี้ไปเรื่อยๆแน่นอนครับ

ว่าแล้วก็ขอตัวไปเป็นพระกระโดดกำแพง เอาไม้เท้าไล่แทงชาวบ้านต่อละ ไว้พบกันใหม่บิ้วไกด์หน้าเช่นเดิมครับผม
Bonus รวมคลิปการบิ้ว วิธีเล่น และเทสรัน
สำหรับใครที่ขี้เกียจอ่านเรียงความยาวๆของผมนะครับ ลองดูในคลิปด้านล่างได้เลย ผมทำเผื่อไว้ให้แล้ว ... สามารถพูดคุยสอบถามได้จากในคลิปหรือในไกด์นี้ได้เลยนะครับ

คลิปการทำบิ้วตั้งแต่ Level 01-12


คลิปวิธีเล่นแบบคร่าวๆและอุปกรณ์ที่ใช้


คลิป Tactician Solo Test Run

Link Guide&Build อื่นๆที่ผมได้ทำไว้
สำหรับใครที่ขี้เกียจเลื่อนหา หรืออาจจะหาไกด์ไหนไม่เจอ ลองกดไปดูในสารบัญรวมเล่มนี้ได้เลยครับ
https://steamcommunity.com/sharedfiles/filedetails/?id=3140547253