Baldur's Gate 3

Baldur's Gate 3

30 ratings
[BG3] Build#001 บิ้วเทพสายฟ้าผู้นำพามาซึ่งความช็อต
By Kingreader-K
บิ้ว Endgame (Act 3 Lv12) สำหรับผู้ชื่นชอบนักเวทย์สายฟ้า ที่สามารถ One Shot ศัตรูข้างทางได้(เกือบ)ทุกตัวในเกม โดยไกด์นี้ จะอธิบายการทำบิ้ว, อุปกรณ์ที่จำเป็น, และวิธีการเล่นให้อย่างละเอียดระดับโมเลกุล

อ้างอิงจากเกม Version 4.1.1.3911062 (Patch 4 Hotfix 10)
   
Award
Favorite
Favorited
Unfavorite
Introduction & Overview
เบื่อมั๊ยที่เล่นแต่ Single Class มาตลอดทั้งเกม?
เบื่อมั๊ยที่เล่นโหมด Tactician ใน Act3 แล้วตีศัตรูตัวนึงนานมากกว่าจะตาย?
เบื่อมั๊ยที่พยายามจะ Multi-class แล้วหลงอยู่กลางทาง?


สวัสดีท่านนักผจญภัยแห่งเฟย์รูนที่หลงเข้ามาทุกท่าน ขอแนะนำตัวก่อน ผมชื่อ K (AKA: Kingreader-K) เป็นหนึ่งในผู้ชื่นชอบการเล่นเกม Baldur's Gate 3 อย่างมาก และที่สำคัญ ผมชื่นชอบการทำบิ้วในเกมนี้มากๆเหมือนกัน ... นี่เป็นไกด์แรกที่ผมเขียนขึ้นมาเลย หากผิดพลาดหรือมีข้อเสนอแนะประการใด อย่างเกรงใจที่จะแจ้งให้ผมทราบนะครับ หรือถ้าใครอยากจะเล่นด้วยกันหรือคุยกันเรื่องบิ้วใดๆล่ะก็ เจอกันได้ที่ช่องทาง Twitch [www.twitch.tv] ได้เลยนะครับ ส่วนใหญ่ผมไลฟ์แต่เกมซีรี่ย์ Monster Hunter แต่ Baldur's Gate 3 ตอนนี้ก็เล่นก็ไลฟ์เป็นประจำเหมือนกันครับ

ไกด์นี้จะเป็นการนำเสนอบิ้วแรกที่ผมไปลองเอง เจ็บเองมา เพื่อทำบิ้ว "One-Shot Offensive Caster" หรือ "นักเวทย์สายโจมตีแบบยิงทีเดียวตาย" โดยได้แรงบันดาลใจจากบิ้วที่เหล่า Youtuber ทำไว้ ซึ่งผมพอได้ลองมานั่งทำบิ้วจัดของใส่เองแล้ว รู้สึกได้เลยว่านี่แหละความสนุกอีกอย่างของเกมนี้ และที่ยิ่งกว่าคือ นี่แหละดาเมจที่เราต้องการเลย

หากใครต้องการดูข้อมูลส่วนไหน ให้กดตามสารบัญ Section ด้านขวาได้เลยนะครับ ผมจะพยายามเขียนข้อมูลให้ละเอียดที่สุดเท่าที่ละเอียดได้เลยครับ

การสร้างตัวละครที่ Level 01
Wizard Lv1

มาเริ่มกันที่ Level 1 ไม่ว่าจะเป็นการสร้างตัวละครใหม่หรือ Respec ตัวละคร ซึ่งถ้าส่วนไหนไม่จำเป็น ผมจะไม่ลงรายละเอียดให้นะครับ มาเริ่มกันเลยดีกว่า

Origin/Race/Sub-Race - อันนี้ไม่ได้ซีเรียส เอาที่คุณชื่นชอบได้เลยครับ ไม่ได้มีเผ่าไหนที่ต้องเลือกเป็นพิเศษ แต่ให้ผมแนะนำ ผมแนะนำเผ่า Githyanki เพราะมีสกิล Astral Knowledge (ที่Lv1) และ Misty Step (ที่Lv5) ซึ่งทั้งสองสกิลนี้ช่วยเสริมความยืดหยุ่นให้บิ้วนี้ได้ดีขึ้นครับ

Class - Wizard
Cantrips - เลือก 3 อย่างที่ชอบได้เลยครับ แต่แนะนำเป็นสายโจมตี
Spells - เลือก 6 อย่างที่ชอบได้เลยครับ เพราะสุดท้ายเราสามารถเรียนเวทย์ทุกอันได้จาก Scrolls อยู่แล้ว
Abilities - อันที่จำเป็นที่สุดคือ Intelligence 16 (รวม +2 จาก Bonus แล้ว) ซึ่งบิ้วนี้อาจจะไม่ได้มีการใช้เวทย์ที่ Concentrate มาก แต่ยังไงก็ควรเพิ่ม Con ไว้ครับ เพื่อให้มีเลือดที่เยอะขึ้นเนื่องจากสายเวทย์เลือกน้อย และสุดท้ายคือ Dex ที่ต้องเพิ่มเพื่ออัพ AC ของเรา ซึ่งในเริ่มต้นผมจะบิ้วไว้ประมาณนี้

Abilities
Score
Strength
12
Dexterity
14
Constitution
14
Intelligence
16
Wisdom
10
Charisma
10

หากคุณเล่นบิ้วนี้แรกๆ อาจจะเพิ่ม Str เป็น 12 แบบผมก็ได้ครับ เพื่อให้สามารถกระโดดได้ไกลขึ้นตอนสำรวจแมพและแบกของได้เยอะขึ้น แต่ใน Act หลังๆหรือช่วง Endgame ให้เปลี่ยนไปอัพ Cha เป็น 12 แทนครับ (ขอขอบคุณคุณ Thanawich Klongsard ที่ทักบอกในโพสเฟซด้วยครับผม)

Background/Skills - อะไรก็ได้ตามใจชอบเลยครับ แต่เนื่องจากเราเน้น Int ก็เน้นสกิลที่ได้โบนัสจาก Int ไปด้วยเลยก็ดีครับ

การอัพเกรดตัวละครที่ Level 02
Wizard Lv2

Subclass - Evocation
Spells - เลือก 2 อย่างที่ชอบได้เลยครับ เพราะสุดท้ายเราสามารถเรียนเวทย์ทุกอันได้จาก Scrolls อยู่แล้ว
Prepare Spells - เลือกอันไหนก็ได้ครับ เพราะเราเปลี่ยนได้ตลอดสำหรับ Wizard (ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันจะให้เลือกไปทำไม ไปเลือกข้างนอกก็ได้ 555)

การอัพเวล 2 นี้เพื่อให้ได้เลือก Subclass Evocation ของ Wizard เพราะจะได้ Passive Sculpt Spells ที่จะทำให้ใช้เวทย์ของ Wizard แล้วไม่โดนเพื่อนในตี้ครับ นอกนั้นก็ไม่มีอะไรพิเศษ เพราะเราจะอัพเวล Wizard กันแค่นี้ครับ

การอัพเกรดตัวละครที่ Level 03
Wizard Lv2 / Cleric Lv1

เวล 3 นี้จะเป็นการ Multi-class ไป Class อื่นครับ โดยเราต้องเลือก Cleric สาย Tempest Domain เพื่อให้ได้สิ่งที่เราต้องการมาในตอนเวลถัดไป

Cantrips - เหมือนเดิมครับ เลือกอะไรก็ได้ แต่ผมแนะนำว่าควรต้องเลือก Guidance ไว้อันนึง เพราะจะช่วยได้มากตอนเรา Skill Check ในบทสนทนาครับ
Subclass - Tempest Domain แน่นอนครับ ผู้ใช้สายฟ้าก็ต้องเลือกอันนี้แหละ เพราะตอน Cleric เวล 2 เราจะได้สิ่งที่สำคัญมากสำหรับบิ้วนี้มา
Deity - เลือกเทพที่นับถือมาครับ อะไรก็ได้อีกแหละ 555 แต่ถ้าจะเอาอินๆก็เลือก Talos เทพแห่งสายฟ้าไปเลยครับ
Prepare Spells - อะไรก็ได้อีกแล้ว แต่แนะนำให้เลือก Sanctuary ไว้ครับ เพราะเอาไว้ใช้งานได้ดีมากๆเลยล่ะ

การอัพเกรดตัวละครที่ Level 04
Wizard Lv2 / Cleric Lv2

ในเวล 4 นี้เราจะได้สิ่งสำคัญที่สุดในบิ้วมา นั่นก็คือ Subclass Feature: Destructive Wrath

Destructive Wrath
อธิบายง่ายๆ คือ เวลาเราใช้เวทย์สาย Lightning หรือ Thunder เราจะสามารถใช้แต้ม Channel Divinity ของ Cleric 1 แต้ม เพื่อให้ได้ Maximum Damage ครับ ... อ่ะ ยังงงๆใช่มั๊ย ง่ายๆกว่านี้เลยคือ พอเราใช้เวทย์สายฟ้าหรือฟ้าผ่า จะ "บังคับ Max Damage" ทันทีที่ใช้ครับ ... เริ่มเห็นความสำคัญของสกิลนี้กันรึยัง

แต้ม Channel Divinity ที่เราจะใช้ได้ ณ Cleric Lv2 นั้นมีแค่ 1 แต้มครับ แต่เราสามารถเพิ่มได้จากสร้อยที่จะใส่ และแต้มจะรีให้ทุกครั้งที่เรา Short Rest ครับ ซึ่งก็หมายความว่า ใน 1 Long Rest เราจะใช้สกิลนี้ได้ทั้งหมด 6 ครั้งเลยเชียวล่ะ

การอัพเกรดตัวละครที่ Level 05
Wizard Lv2 / Cleric Lv2 / Sorcerer Lv1

เราจะทิ้ง Wizard และ Cleric ไว้แค่นี้ครับ เพราะต่อไปเราจะอัพ Sorcerer กันยาวๆเลย เพราะ Class นี้มีสิ่งที่เรียกว่า Meta Magic ยังไงล่ะ เอาไว้เด๋วผมเก็บไปอธิบายความสำคัญตอนอัพถึงละกันครับ

Cantrips - อีกแล้ว Cantrips ล้นๆเลยบิ้วนี้ เลือกที่ต้องการเลยครับ
Spells - อันนี้ต้องเลือกหน่อยแล้วครับ เพราะ Sorcerer ไม่สามารถสลับเวทย์ไปมาเหมือน Wizard ได้ แต่เนื่องจากบิ้วนี้ไม่ได้อัพ Charisma มา ผมจึงแนะนำให้เลือกเวทย์ที่ไม่ใช่เวทย์ทำดาเมจ แต่เป็นเวทย์ใช้งานเครื่องมือเครื่องไม้แบบ Utilities แทน ดังนั้น เวลนี้ผมแนะนำให้เลือกตามนี้ครับ

Mage Armor - เพื่อเอาไว้ร่ายเพิ่ม AC ใช้ได้ดี และใช้ทีเดียวได้ตลอดทั้ง Long Rest ครับ
Shield - เวทย์ป้องกันแบบ Reaction เมื่อเราโดนโจมตี เราสามารถร่ายเพื่อเพิ่ม AC 5 หน่วย และอยู่ตลอด Turn นั้นครับ


Subclass - Storm Sorcery แน่นอนว่าต้องเลือกสายนี้เพราะประโยชน์หลายๆอย่าง เช่น สามารถบินหนีได้หลังร่ายเวทย์, ได้เวทย์ Call Lightning ฟรีๆ, ได้ค่าป้องกันสายฟ้าและฟ้าผ่า เป็นต้น

การอัพเกรดตัวละครที่ Level 06
Wizard Lv2 / Cleric Lv2 / Sorcerer Lv2

Spells - ผมแนะนำให้เลือกสาย Utilities เหมือนเดิมครับ อันนี้ผมเลือก Feature Fall เพราะเอาไว้ใช้ตอนสำรวจได้ครับ ยกเว้นว่าคุณมีสกิลบินอยู่แล้ว ก็ไม่เป็นไร ค่อยเอาไว้เปลี่ยนทีหลังได้

Class Passives - มาถึงส่วนสำคัญที่เป็นเหตุผลหลักให้เรา Multi-class มาเลือกใช้ Sorcerer ครับ นั่นก็คือ Metamagic นั่นเองงงง!

Metamagic
คือระบบ Passive เฉพาะตัวของ Sorcerer ที่สามารถใช้แต้ม Sorcery Point ของคลาส (ได้เพิ่ม 1 แต้มทุกเลเวลของ Sorcerer ที่อัพ) ปรับเปลี่ยนการใช้เวทย์ของเราได้ เช่น ยิงเวทย์ได้ไกลขึ้น, ใช้เวทย์ที่ปกติยิงใส่ได้ตัวเดียว สามารถยิงใส่ได้สองตัว เป็นต้น ดังนั้น คุณจะมีทางเลือกในการใช้เวทย์หลากหลายสุดๆ

โดยในเวลนี้ เราจะสามารถเลือก Metamagic ได้ 2 อย่าง ซึ่งผมไม่แนะนำนะครับ แต่ขอจับล็อคคอให้เลือกตามผมเลย เพราะมันดีจริงๆนะเออ

Metamagic: Extended Spell - สำหรับยืดระยะเวลาของเวทย์บัฟหรือเวทย์ที่ทำให้ศัตรูติดสถานะทั้งหลาย แล้วมันก็ไม่ได้ยืดเวลาให้แค่ 25% 50% นะครับ แต่มันเพิ่มให้อีก 100% หรือพูดง่ายๆคือ เพิ่มระยะเวลา x2 เท่าไปเลย ดังนั้นเวทย์บัฟที่ปกติอยู่ 3 เทิร์น จะกลายเป็น 6 เทิร์นเลย แถมใช้แต้ม Sorcery Point แค่ 1 แต้ม คุ้มกว่าคุ้มอีก

Metamagic: Twinned Spell - สำหรับเพิ่มเป้าหมายในการใช้เวทย์ที่ปกติเราใช้ใส่ได้แค่เป้าหมายเดียว โดยใช้แต้ม Sorcery Point 1 แต้มต่อเลเวลของเวทย์นั้นๆ … อธิบายง่ายๆในกรณีของบิ้วนี้เลยนะครับ อย่างปกติ เวทย์ Chain Lightning เป็นเวทย์เวล 6 ที่ยิงใส่ศัตรูได้ 1 ตัว (แล้วกระจายไปหาศัตรูอื่นๆอีก 3 ตัว) แต่ถ้าคุณเปิดโหมดนี้ คุณจะยิงใส่ได้ 2 ตัว (ถ้าเล็งดีๆ ก็จะกระจายไปใส่ศัตรูเพิ่มอีก 6 ตัวเลยทีเดียว) โดยแลกกับแต้ม Sorcery Point 6 แต้ม อ่านมาถึงตรงนี้แล้วคุณอาจจะรู้สึกว่าไม่คุ้ม แต่เชื่อผมเถอะ ว่าพอคุณทำบิ้วนี้จนสุด จะยิง Chain Lightning ได้ดาเมจถึง 168 หน่วย แล้วนึกสภาพที่ยิงเวทย์ครั้งเดียวทำดาเมจ 168 หน่วย ใส่ศัตรูได้ 5-8 ตัวดูสิ ว่ามันจะหวือหวาฟ้าแลบขนาดไหน


การอัพเกรดตัวละครที่ Level 07
Wizard Lv2 / Cleric Lv2 / Sorcerer Lv3

Spells - ตอนนี้คุณจะมีตัวเลือกของเวทย์เลเวล 2 มาให้แล้ว ถ้าคุณไม่พอใจกับช้อยส์ที่เลือกไปรอบที่แล้ว ก็กด Replace Spell ได้ครับ โดยผมแนะนำเวทย์ที่ได้ใช้แน่นอน ดังนี้

Misty Step - ใช้ Bonus Action และ Slot เวทย์เวล 2 ในการวาร์ปไปในจุดที่มองเห็น ใช้งานได้ดีมากในการวาร์ปขึ้นที่สูงหรือวาร์ปหลบออกจากการรุมทึ้งของหมู่ศัตรู ... แต่ที่สำคัญกว่านั้น ผมเอาไว้วาร์ปล่อ Counter Spell ของศัตรูนักเวทย์โหมด Tactician ครับ เพราะหลังๆมันใช้กันเก่งมาก ถ้ามีนักเวทย์อยู่ตัวนึงแล้วจะร่ายเวทย์สำคัญ ผมก็จะใช้ Misty Step ล่อให้มัน Counter Spell เราก่อนเพราะใช้แค่ Bonus Action และ Slot เวล 2 แล้วค่อยร่ายเวทย์สำคัญให้ได้ผลชัวร์ๆแทนครับ

Class Passives - มาเลือก Metamagic อีก 1 อันและเป็นอันสุดท้ายในบิ้วนี้ของเรากัน ขอล็อคคอเลือกเหมือนเดิมนะครับ

Metamagic: Quickened Spell - สำหรับการใช้แต้ม Sorcery Point 3 แต้ม แลกกับการร่ายเวทย์โดยใช้แค่ Bonus Action แทน ซึ่งถามว่าคุ้มมั๊ย ก็อาจจะไม่คุ้มสำหรับ 3 แต้มที่ต้องใช้ไปครับ แต่การที่คุณสามารถร่ายเวทย์ได้อีกครั้งในช่วงคับขัน ก็สามารถพลิกสถานการณ์แย่ๆให้กลับมาแย่กว่า เอ้ย! กลับมาชนะได้เลยครับ

การอัพเกรดตัวละครที่ Level 08
Wizard Lv2 / Cleric Lv2 / Sorcerer Lv4

Cantrips - มันมาอีกแล้ว ใช่ครับ เลือกได้อีก 1 อย่าง เปลี่ยนชื่อบิ้วเป็น เทพเจ้าแห่ง Cantrips ดีมั๊ยเนี่ย
Spells - เลือก Spell Lv2 อีก 1 อย่าง อันนี้อะไรก็ได้ครับ ส่วนตัวผมเลือก Knock เอาไว้ปลดล็อคตู้เซฟในธนาคาร อ้าว บอกใบ้ความเป็นโจรไปซะแล้วสิเนี่ย

Feats - การเลือก Feat รอบแรกของบิ้วนี้ ผมแนะนำกึ่งๆล็อคคอให้เลือก Ability Improvement เพิ่ม Int เข้าไปอีก 2 หน่วยครับ ถ้าถามว่าทำไมต้องเพิ่ม Int ไปเลือกอย่างอื่นแทนได้มั๊ย ... ได้ครับ แต่ที่ให้เพิ่ม Int มันมีประโยชน์อยู่สองอย่าง คือ
1. Int เพิ่มแล้ว จะได้ Slot เวทย์ของ Wizard เพิ่มขึ้น - ถือว่าดีมาก เพราะเวทย์โจมตีของบิ้วนี้จะใช้เวทย์ของ Wizard ทั้งหมดครับ ด้วยเหตุผลในข้อ 2
2. Int เพิ่มแล้วจะเพิ่ม Spell Save DC และ Spell Attack Roll เพิ่ม - ใช่ครับ สิ่งสำคัญของการร่ายเวทย์ทั้งสองอย่างเลย หลายคนอาจะงงว่า สองอย่างนี้คืออะไรวะ ผมจะอธิบายคร่าวๆให้นะครับ
2.1 Spell Save DC - คือแต้มที่ศัตรูต้อง Roll ให้ผ่าน เพื่อให้ได้ Saved จากผลของเวทย์เรา ... อ่ะ สงสัยใช่มั๊ยว่า แล้วเวทย์โจมตีมีผลยังไง เวทย์ส่วนใหญ่ของบิ้วนี้จะเป็นเวทย์สายฟ้า ซึ่งมันจะมีเขียนบอกว่าถ้าศัตรู Saved ได้จะโดนดาเมจแค่ครึ่งเดียว ใช่ครับ ถ้าศัตรู Roll ผ่าน Save DC ของคุณ ดาเมจจะหายไปครึ่งนึง ดังนั้นเราต้องเพิ่มค่านี้ให้สูงที่สุดเท่าที่ทำได้ครับ
2.2 Spell Attack Roll - คือ % การโจมตีโดนของเวทย์ที่มีคำว่า "Attack Roll" ติดอยู่ครับ ซึ่งเวทย์พวกนี้มักจะติดคริได้ด้วย แต่เอาจริงๆเวทย์ในบิ้วนี้ก็ไม่ได้ใช้เวทย์สายนี้นัก แต่ถ้าช่วงที่ Slot เวทย์หมด คุณอาจจะต้องพึ่งพาดาเมจจาก Cantrip เอา ซึ่งพวกนี้จะเป็นสายโจมตีที่มี Attack Roll ทั้งนั้นครับ

ยังไงผมแนะนำให้เพิ่ม Int ไปเลย 2 หน่วยครับ แต่ถ้าจะเลือกอย่างอื่นผมก็แนะนำว่าเลือก War Caster ไม่ก็ Elemental Adept ครับ เพราะสองอย่างนี้ได้ใช้แน่นอน

การอัพเกรดตัวละครที่ Level 09
Wizard Lv2 / Cleric Lv2 / Sorcerer Lv5

ตั้งต่เวลนี้เป็นต้นไป จะเป็นการเลือก Spell อย่างเดียวยาวๆจนถึงเวล 12 ถึงจะได้ Feat อันที่สองครับ

Spells - เวทย์เลเวล 3 มาแล้ว! มีสองอันที่คุณต้องเลือกไว้เลย นั่นก็คือ

Counterspell - เวทย์เค้าน์เตอร์ครอบจักรวาลที่นักเวทย์ทุกคนต้องมีไว้ใช้ครับ เพราะไม่ว่าศัตรูจะร่ายเวทย์อะไร ถ้าอยู่ในระยะ คุณสามารถร่าย Counterspell ขัดได้เลย ทำให้ศัตรูเสียเทิร์นไปฟรีๆ แต่ต้องระวังด้วยนะครับ เพราะยิ่งเวทย์เวลสูงก็จะยิ่งมีโอกาสที่ Fail ในการ Counter มากขึ้นเท่านั้น

Haste - เวทย์สายบัฟที่จำเป็นอย่างยิ่งยวด เพราะเมื่อคุณร่ายใส่ตัวคุณหรือเพื่อนแล้ว คนที่โดนร่ายใส่จะได้ Action ฟรีเพิ่ม หรือก็คือ ใช้ Action ได้สองรอบใน 1 Turn ซึ่งคุ้มค่ามากๆครับ แต่มันมีข้อเสียอยู่นะ คือ มันเป็นเวทย์ Concentrate ที่ถ้าหลุดจาก Concentrate แล้ว ผลจะหายไปทันที และคนที่ได้บัฟ Haste จะติดมึนไป 1 เทิร์น ก็ถือเป็นความเสี่ยงที่คุ้มค่าอยู่ครับ

การอัพเกรดตัวละครที่ Level 10
Wizard Lv2 / Cleric Lv2 / Sorcerer Lv6

เวลนี้เราจะอัพ Storm Sorcery เวล 6 ซึ่งจะได้โบนัสหลายอย่างมากๆเลย ผมจะสรุปให้คร่าวๆ ตามนี้นะครับ

Heart of the Storm - เมื่อคุณร่ายเวทย์ Lightning หรือ Thunder จะสามารถระเบิดพลัง Lightning หรือ Thunder 3 ดาเมจรอบๆตัวเราในระยะ 6 เมตรได้ เป็นโบนัสดาเมจเล็กๆเวลาโดนศัตรูล้อมอยู่ครับ

Heart of the Storm: Resistance - ง่ายๆตรงๆ คือ คุณจะได้ค่าป้องกันธาตุ Lightning และ Thunder มาครับ เวลาโดนดาเมจสองธาตุนี้ ก็จะลดดาเมจลงไปได้ครึ่งนึงครับ


นอกจาก Passive ข้างบนแล้ว เรายังจะได้เวทย์ฟรีอีก 5 อันครับ ซึ่งผมไม่ขออธิบายทุกอันนะ เพราะจริงๆเราจะใช้แค่ 2 อัน (หรืออันเดียวเท่านั้น)

Create or Destroy Water - เวทย์ที่สำคัญสุดๆในบิ้วนี้เลยครับ หลายคนอาจจะงงว่า ร่ายน้ำมันจะมีประโยชน์อะไรเนี่ย มีสิครับ เพราะเมื่อคุณร่ายน้ำลงใส่ศัตรู มันจะติดสถานะ Wet ซึ่งจะทำให้แพ้ธาตุน้ำแข็งและสายฟ้า หรือก็คือ โดนดาเมจน้ำแข็งและสายฟ้าเป็นสองเท่าของปกติ เช่น ถ้าปกติโดนสายฟ้า 80 ดาเมจ จะกลายเป็น 160 ดาเมจทันที! ฮั่นแน่ อ่านมาถึงนี่ เริ่มเดาทางบิ้วนี้ออกแล้วสินะครับ

Call Lightning - หลายๆสำนัก ยกให้เป็นเวทย์สายฟ้าที่ 'Cost Effective' หรือคุ้มค่าที่สุด เพราะพอคุณใช้เวทย์นี้ครั้งแรกแล้ว คุณจะเข้า Concentrate และสามารถร่ายฟรีได้อีก 10 เทิร์น แถมยังเป็นเวทย์เวล 3 ด้วย (Upcast เพิ่มดาเมจได้อีกนะ) ทำให้เป็นเวทย์ที่คุ้มค่าสุดๆ แต่สำหรับบิ้วนี้เราไม่ได้ใช้เป็นเวทย์หลักครับ ผมนับเป็นเวทย์สำรองละกัน


Spells - เวลที่แล้วเลือกอันไหนไว้ รอบนี้ก็เลือกอีกอันได้เลยครับ

การอัพเกรดตัวละครที่ Level 11
Wizard Lv2 / Cleric Lv2 / Sorcerer Lv7

Spells - มีเวทย์เลเวล 4 มาให้เลือกได้แล้วครับ แต่ผมไม่มีอะไรแนะนำเป็นพิเศษนะ ยังไงก็เลือกตามที่ชอบได้เลยครับ ส่วนตัวผมเลือก Gaseous Form เอาไว้แปลงร่างเป็นหมอก เพื่อความสะดวกสำหรับโหมดสำรวจครับ

การอัพเกรดตัวละครที่ Level 12
Wizard Lv2 / Cleric Lv2 / Sorcerer Lv8

Spells - เช่นเดิมครับ อะไรก็ได้ เหมือนที่คุณชอบตอบกันในคำถามว่า "วันนี้กินอะไรดี" นั่นแหละ
Feat - และแล้ว ก็มาถึง Feat ทางเลือกอันสุดท้ายแล้วครับ ผมแนะนำให้เลือกหนึ่งในสองอันตามนี้

Ability Improvement - เพิ่ม Int อีก 2 หน่วย ตาม Step เดิมแบบตอนเวล 8 ครับ

Elemental Adept (Lightning) - ถ้าเลือกอันนี้ เวทย์สายฟ้าเราจะไม่สนใจค่า Resistance สายฟ้าของศัตรู และตอน Roll ดาเมจสายฟ้า จะไม่มีทางโรลได้ 1 ครับ


สำหรับสองอันนี้ ผมก็ยังเชียร์ให้เพิ่ม Int ครับ เพราะเอาจริงๆ ศัตรูในเกมมีน้อยตัวมากที่มี Resistance ธาตุสายฟ้า ดังนั้น เพิ่ม Int อีก 2 แต้มดูจะตอบโจทย์ในระยะยาวมากกว่าครับ

Equipment อุปกรณ์สวมใส่ที่จำเป็น
MINOR SPOILER ALERT!!!

มาในถึงส่วนที่หลายๆคนสนใจและรอคอยกัน คือ ต้องใส่อะไรบ้าง ... ผมจะรวบรวมข้อมูลและวิธีหาโดยคร่าวๆให้เกิด Spoiler น้อยที่สุดละกันนะครับ แต่ยังไงก็คงต้องมี Spoil กันบ้างอย่างเลี่ยงไม่ได้ในบางชิ้น ซึ่งหากใครกลัวโดนสปอย ไม่ต้องกลัวไปครับ ผมจะใช้แถบปิด Spoil เอาไว้ ดังนั้น ถ้าคุณไม่มือซนหรือปล่อยให้ความอยากรู้อยากเห็นครอบงำ ยังไงก็ไม่โดนสปอยแน่นอนครับ

แต่หากใครกลัวพลาดหรือแค่อยากรู้ว่าชิ้นไหนทำอะไรได้บ้างจริงๆ ให้ข้ามไปดูสรุปข้อมูลได้เลยครับ

Helmet ส่วนหัว/หมวก
Hood of the Weave

ซื้อได้จาก Mystic Carrion ใน Philgrave's Mansion ใน Act 3 ... โดยเราสามารถเข้าไปได้หลายทางครับ แต่ทางที่ดีที่สุด คือ เข้าทางประตูลับด้านข้าง โดยใช้ Arcana เช๊คหรือไม่ก็ร่าย Knock เปิดไปเลยก็ได้ ซึ่งพอเข้าไปแล้วให้คุยกับ Mystic Carrion แล้วเข้าไปซื้อมาได้เลยครับ

Cloak ส่วนผ้าคลุม
Cloak of The Weave

ซื้อได้จาก Helsik ใน Devil's Fee ใน Act 3 ... โดยเราต้องรู้ข้อมูลเรื่องที่เธอรับใช้ Mammon และเป็นคนเปิดประตูสู่นรกชั้น Avernus ให้กับ Gortash เธอถึงจะยอมขายของพิเศษให้เรา รวมถึงผ้าคลุมนี้ด้วย

Armor/Clothing ส่วนเกราะ/ชุด
Robe of the Weave

หาได้จากหอคอย Ramazith’s Tower ใน Act 3 ... จากชั้นที่เจอกับ Lorroakan ให้ลงไป 1 ชั้น (กระโดดเหยียบตามเฟอร์นิเจอร์ที่ลอยอยู่) จากนั้นให้ร่ายเวทย์ See Invisible ลองส่องหาป้ายของปุ่มที่ชื่อว่า ‘Below’ พอกดปุ่มนั้น จะพาเราวาร์ปลงไปข้างล่าง แล้วเราจะเจอเสื้อนี้อยู่ในม่านพลังเวทย์ ด้านตรงข้ามกับไม้เท้า Markoheshkir ที่เราต้องใช้เหมือนกัน โดยเราต้องผ่าน Arcana Skill Check 20 ถึงจะปลดม่านเวทย์มนต์เพื่อให้เข้าไปหยิบของได้

Gloves ส่วนถุงมือ
Helldusk Gloves

หาได้จาก House of Hope ใน Act 3 ... ดรอปจากปีศาจที่ชื่อว่า Haarlep ในห้องที่มีสระน้ำฟื้นพลัง ให้เดินไปด้านหลังสระจะเจอมันนอนอยู่บนเตียงครับ

Boots ส่วนรองเท้า
Disintegrating Night Walkers

หาได้จาก Gyrmforge ใน Act 1 ... ดรอปจาก True Soul Nere

Amulet ส่วนสร้อยคอ
Amulet of The Devout

หาได้จากชั้นใต้ดินของโบสถ์ Stormshore Tabernacle ใน Act 3

Rings ส่วนแหวน
Eversight Ring

หาได้จากหีบใน House of Healing ใน Act 2
The Sparkswall

หาได้จากชั้นใต้ดินของ Arcane Tower ที่อยู่ใน Underdark ใน Act 1

Melee Weapon ส่วนอาวุธประชิด
Markoheshkir

หาได้จากหอคอย Ramazith’s Tower ใน Act 3 อยู่ที่เดียวกันกับ Robe of the Weave

Shield ส่วนโล่
Ketheric's Shield

ดรอปจาก Ketheric Thorm ใน Act 2 … หลังจากฆ่า Ketheric Thorm ในร่าง Avatar แห่ง Myrkul แล้ว

Range Weapon ส่วนอาวุธระยะไกล
Gontr Mael

หาได้จาก Steel Watch Foundry ใน Act 3 … ดรอปจากบอส Steel Watch Titan หลังจัดการแล้วอย่าลืมเก็บมานะครับ เพราะถ้าเราเลือกระเบิดโรงงานแล้วจะกลับเข้าไปอีกไม่ได้แล้วครับ
สรุปความจำเป็นของอุปกรณ์แต่ละชิ้น
Hood of the Weave - ใส่เพื่อเพิ่ม Spell Save DC +2
Cloak of The Weave - ใส่เพื่อเพิ่ม Spell Save DC +1 และได้สกิล Absorb Element มาเพิ่ม เวลาเราโดนโจมตีด้วยธาตุใด เราจะสามารถดูดซับดาเมจครึ่งนึงมาแปลงเป็นดาเมจธาตุนั้นในการโจมตีคร้งถัดไปของเรา ไม่ได้ใช้บ่อยหรอกครับเพราะดาเมจที่เพิ่มน้อยมาก แต่ก็ถือเป็นสกิลกำไรที่ดี
Robe of the Weave - ใส่เพื่อเพิ่ม Spell Save DC +1 และได้ AC+2 ฟรีๆ แถมถ้าเรา Saved จะเวทย์ฝั่งศัตรู เราจะได้ฮีล 1-6 หน่วย
Helldusk Gloves - ใส่เพื่อเพิ่ม Spell Save DC +1
Disintegrating Night Walkers - ใส่เพื่อกันการลื่นล้มจากน้ำแข็ง และมี Misty Step ฟรีให้ใช้ได้ 1 ครั้งครับ
Amulet of The Devout - ใส่เพื่อเพิ่ม Spell Save DC +2 และได้แต้ม Channel Divinity เพิ่มอีก 1 แต้มด้วย อันนี้ดีสุดๆ
Eversight Ring - ใส่เพื่อป้องกันอาการ Blinded หรือตาบอด เนื่องจากเราต้องร่ายเวทย์ระยะไกลอยู่ตลอดเวลา สามารถเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นได้ครับ
The Sparkswall - ใส่เพื่อป้องกันไม่ให้โดนช็อตเวลาเดินบนน้ำที่มีสายฟ้า (Electrified Water) เพราะในบิ้วนี้เราจะร่าย Create Water ก่อนร่ายสายฟ้าเสมอ ทำให้ยังไงก็หนีไม่พ้นการเดินบนน้ำที่มีสายฟ้าครับ สามารถเปลี่ยนไปใส่ให้เพื่อนสาย Melee ในตี้ได้นะ เพื่อให้สามารถเข้าไปเก็บงานหลังเราร่ายเวทย์ได้ (ถ้ายังเหลืออะไรให้เก็บนะครับ)
Markoheshkir - ของจำเป็นแบบขาดไม่ได้เลย นอกจากเพิ่ม Spell Save DC +1 แล้ว ยังสามารถเปิดโหมด Kereska's Favour เพื่อให้เราปรับจูนเข้ากับธาตุนั้นๆ และได้เวทย์ฟรี 2 อย่างของธาตุนั้นๆด้วย แถมยังมี Arcane Battery ที่เอาไว้ร่ายเวทย์ฟรีโดยไม่ใช้ Slot เวทย์อีก ไม้เท้า Must Have ของนักเวทย์สุดๆเลยล่ะ
Ketheric's Shield - ใส่เพื่อเพิ่ม Spell Save DC +1 และ AC+2 แถมได้ Advantage ตอน Dex Saving Throw ด้วย
Gontr Mael - ใส่เพื่อเอาสกิล Celestial Haste ของธนูนี้เท่านั้นครับ ซึ่งให้ผลเหมือน Haste เลยแต่ตอนหลุด Concentrate จะไม่ทำให้มึน และระยะเวลามีผลแค่ 5 เทิร์นครับ
Items อื่นๆที่จำเป็นสำหรับบิ้ว
Scroll of Chain Lightning

แน่นอนครับ เมื่อเราจะใช้ Chain Lightning แต่ตอนเวลอัพไม่สามารถเลือกเวทย์เวล 6 ได้ ก็ต้องพึ่งพาการเรียนจากคัมภีร์นี่แหละ หาซื้อได้จาก Sorcerous Sundries ครับ

Elixir of Bloodlust

ยาเทพที่ทุกคนต้องมี ผลของมันคือ เมื่อฆ่าศัตรูได้ จะได้ Action Point คืนมา 1 แต้ม มีผล 1ครั้ง/1เทิร์น นั่นหมายความว่า ถ้าคุณฆ่าศัตรูได้ในเทิร์นนั้น คุณจะร่ายเวทย์ฟรีได้อีก 1 ครั้งครับ

Spellcrux Amulet

สร้อยที่สามารถฟื้น Spell Slot เวลใดก็ได้ ได้จำนวน 1 ครั้ง ถือว่าเป็นสร้อยสำรองที่ต้องพกติดตัวไว้เลยครับ หาได้จากคุกของ Moonrise Tower ใน Act 2 ครับ อย่าพลาดเชียวล่ะ อันนี้ของดีจัดๆ
Illithid Powers & Passive Bonus ที่จำเป็น
MAJOR SPOILER ALERT!!!

จริงๆถึงไม่มีพวกนี้ก็เล่นได้ แต่ผมแนะนำว่าถ้าอยากไปให้สุดก็ควรต้องมีบัฟและสกิลพวกนี้ครับ ผมจะแบ่งออกเป็นสองส่วนหลักๆก่อน คือ 1.Illithid Powers ที่จำเป็นและ 2.Permanent Passive Buff ที่จำเป็นสำหรับบิ้วนี้

Illithid Powers ที่จำเป็นกับบิ้วนี้

Luck of the Far Realms
เมื่อเราโจมตีศัตรูโดน จะสามารถบังคับติด Critical ได้ ใช้ได้ 1 ครั้ง / 1 Long Rest ถือว่าเป็นสกิลที่จำเป็นสำหรับสายคริเลยครับ ... บิ้วนี้อาจจะไม่ได้ใช้เท่าไหร่ เพราะ Chain Lightning ไม่ได้ติดคริ แต่ถ้าคุณอยากได้เวทย์ที่เอาไว้ One Shot ศัตรูได้แทบทุกตัว ลองใช้ Witch Bolt เลเวล 6 ใส่ศัตรูที่เปียกแล้วบังคับคริ+บังคับ Max ดาเมจดูครับ เรียกว่าแทบจะจบบอสโหดๆได้แทบทุกตัวเลยล่ะ
Cull the Weak
เมื่อเราลดเลือดศัตรูให้ต่ำกว่าจำนวน Tadpole ในหัวเรา ศัตรูจะตายทันทีและระเบิดทำดาเมจพลังจิตใส่ศัตรูใกล้เคียงอีก 1-4 หน่วย เป็นสกิลที่ดีมาก สำหรับคนที่ใช้พลังของ Tadpole เยอะๆอยู่แล้ว เพราะถ้าคุณอัพเกรดจนครบ แค่คุณลดเลือดศัตรูลงมาเหลือแค่นิดหน่อยก็สามารถฆ่าศัตรูตัวนั้นได้ทันที พูดง่ายๆคือ ยิ่งใช้หนอนมาก สกิลนี้ก็ยิ่งได้ผลดีมากขึ้น และบอกลาความเซ็งตอนศัตรูเหลือเลือด 1 ไปได้เลย
Fly
อีกสกิลที่ตรงตามตัวเป๊ะๆเลย ทำให้เราสามารถเคลื่อนที่ได้ดีกว่าเดินปกติมากๆ ซึ่งสกิลนี้จะได้มาฟรีๆ เมื่อเรายอมเปิดใจรับพลังจาก Astral Tadpole ที่ได้จาก The Emperor ในตอนต้น Act 3 ครับ (แต่ต้องยอมลดสวยลดหล่อ มีเส้นเลือดดำขึ้นหน้านะ 5555)
Blackhole
สกิลจำเป็นเลยครับ ถ้าคุณอยากจะทำดาเมจให้ได้มากที่สุด ก็อาจจะต้องรวบศัตรูมากองรวมกันก่อนครับ 555 จะอัพไปสกิลนี้ได้ เราต้องเลือกยอมเปิดใจรับพลังจาก Astral Tadpole ที่ได้จาก The Emperor ในตอนต้น Act 3 ครับ และผมแนะนำให้ตัวละครที่จะเล่นบิ้วนี้ไปเอาบัฟ Passive: Awakened ที่จะอธิบายไว้ด้านล่างด้วยครับ

Permanent Passive Buff ที่จำเป็นกับบิ้วนี้

[Act 1] Passive: Awakened จากเครื่อง Zaith'isk ใน Crèche Y'llek
บัฟนี้จำเป็นมากๆสำหรับคนที่ใช้พลัง Tadpole และไม่ค่อยได้ใช้ Bonus Action เป็นดาเมจหลัก เช่น พวกนักเวทย์ทั้งหลาย และบิ้วนี้ก็เช่นกันครับ ... เมื่อคุณ Awakened แล้วมันจะทำให้ Illithid Powers ทุกอย่างที่ใช้ Action Point มาใช้ Bonus Action แทน ถือว่าเป็นทางเลือกในการใช้ Bonus Action ที่ดีครับ แต่ยังไง ถ้าเล่นตี้ก็ต้องลองดูความจำเป็นและเหมาะสมของ Role คนในทีมด้วยนะครับ บางคนอาจจะต้องการมันมากกว่าเรานะ

[Act 1] Abilities+1 จากหนังหัวของป้าแม่มด Ethel
ได้จากการปราบป้า Ethel ในรังแม่มดที่ Act 1 ก่อนป้าจะตายจะทำการต่อรองให้เราไว้ชีวิตโดยแลกกับหนังหัวเพิ่มค่า Abilities ค่าใดค่าหนึ่ง จำนวน 1 แต้มครับ ... ลองดูความจำเป็นคนในทีมด้วยก็ดีครับ

สำหรับบิ้วนี้ถ้าคุณได้บัฟ Int+1 จากข้อนี้ ก็ให้ปรับ Abilities ตอนเลเวล 1 ให้ Int เป็น 17 หน่วยตามตารางนะครับ เพราะเมื่อรวมกับบัฟข้างล่างจะทำให้เรามี Int 22 หน่วยพอดี

[Act 3] Abilities+2 จากกระจก Mirror of Loss
หลังจากทำเควสของ Shadowheart ใน House of Grief แล้ว เข้าไปห้องด้านในที่เจอพ่อแม่ของน้อง จะมีกระจก Mirror of Loss อยู่ ตรงนี้ผมแนะนำให้เซฟไว้ก่อนนะครับ เพราะกระจกนี่ต้องผ่าน Skill Check หลายรอบมาก ผมจะเรียงไว้ให้คร่าวๆประมาณนี้
1. การ Activate กระจก ต้องผ่าน Skill Check สองอย่างคือ Religion (DC20) และ Arcana (DC25)
2. หลัง Activate กระจกแล้ว คนที่จะเพิ่ม Stat ต้องผ่าน Skill Check Religion (DC25) ของใครของมันเป็นรายบุคคลไป
3. หลังจากผ่านเช๊คทั้งหมดแล้ว เราจะสามารถมอบ Abilities 1 ใน 6 อันไหนก็ได้ของเราให้กับกระจก 2 แต้ม แล้วจะสามารถเลือกเพิ่ม Abilities 1 ใน 6 อันไหนก็ได้ของเรา 2 แต้มแทน เช่น คุณอาจะแลก Wis-2 แล้วเอา Cha+2 แทน
4. หลังจากเลือกได้แล้ว ให้ใช้ Remove Curse ลบคำสาปที่โดน -2 อยู่ ก็จะทำให้เรามีบัฟ +2 Abilities ที่เราเลือกไว้ฟรีๆอย่างถาวรครับ
5. ทำซ้ำข้อ 2-4 กับตัวละครอื่นๆได้ ยกเว้นจะเฟล Skill Check คนนั้นจะอดบัฟนี้ไปเลยถาวรครับ

ข้อนี้ให้เราเลือก Int+2 ไปเลย

อยู่ที่ว่าคุณจะเอาบัฟจากตรงไหนบ้าง ถ้าได้แค่ได้บัฟ Int+2 แต้มมา ก็จะทำให้ Int คุณเป็น 20 แต้ม แต่ถ้าได้ Int+3 ก็จะทำให้คุณมี Int 22 แต้ม ซึ่งน่าจะเป็นจำนวนสูงสุดที่ทำได้ ณ ตอนนี้ครับ
วิธีการเล่นของบิ้วนี้โดยละเอียด
Role และแนวทางการเล่น
อย่างที่เกริ่นไว้ใน Overview ครับ ว่าบิ้วนี้เป็นบิ้วสำหรับ One Shot ศัตรูกี้ๆข้างทางให้ตายในครั้งเดียว แม้จะเป็นศัตรูในโหมด Tactician ก็ตาม เหมาะสำหรับ Role แบบ Offensive Caster ที่เอาไว้เคลียร์ศัตรูจำนวนมากๆให้หายไปในคราวเดียว ... แต่ก็มีจุดบอดอยู่ครับ เนื่องจากบิ้วสายนักเวทย์เป็นบิ้วที่ตัวบางและควรอยู่แนวหลังเสมอ เพื่อป้องกันเป้าสายตาจากแนวหน้าฝ่ายศัตรู ถึงแม้จะสามารถดัน AC ได้ถึง 20-27 แต่ผมก็ไม่แนะนำให้อาหน้าไปรับส้นแทนสาย Tank อยู่ดีครับ

การเตรียมพร้อมแบบ Step by Step
1. เปิดโหมดสายฟ้าของสกิล Kereska's Favour จากไม้เท้า
เพื่อเพิ่มดาเมจสายฟ้าอีก 4 หน่วย และยังทำให้ใช้เวทย์ Chain Lightning ได้ฟรีอีก 1 ครั้ง/ Short Rest ด้วย
2. ร่ายบัฟ Mage Armor / Aid และอื่นๆให้พร้อม
หลัง Long Rest ควรร่ายบัฟที่อยู่ยาวๆพวกนี้ให้ครบครับ โดยผมแนะนำเวทย์ที่ต้องร่าย ดังนี้

Mage Armor (Lv1) - เพิ่ม AC +3 หน่วยเมื่อไม่ใส่เกราะ (โล่ไม่นับเป็นเกราะ) และอยู่ยาวตลอดจนกว่าจะ Long Rest

Aid (Lv2) - เพิ่ม HP 5 หน่วยจนกว่าจะ Long Rest หรือตาย ถ้าต้องการเพิ่มเยอะๆ ผมแนะนำให้ร่ายเวล 5 เลยครับ จะได้ HP 20 หน่วยเลย แต่เปลือง Slot ไปพอสมควร แนะนำว่าถ้ามี Cleric หรือคนในตี้ที่ร่าย Aid ได้ก็ให้ร่ายแทนครับ

Warding Bond (Lv2) - เวทย์เพิ่ม AC+2 และ Resistance ดาเมจทุกประเภทให้กับคนที่ได้รับเวทย์ โดยเมื่อไหร่ก็ตามที่โดนดาเมจ คนที่ร่ายเวทย์จะโดนดาเมจไปด้วย เท่าๆกับคนที่ได้รับเวทย์ เป็นบัฟแบ่งดาเมจที่ดี เหมาะกับการใช้สาย Tank ที่เลือดเยอะๆมาแบ่งดาเมจจากแนวหลังได้

3. กินยา Elixir of Bloodlust
สรรพคุณตามที่แจ้งไว้แล้ว การได้ Action Point คืนในเทิร์นๆนึงนี่คือ Overpower มากๆครับสำหรับสายนี้
4. ก่อนเข้า Combat ให้ร่าย Haste หรือ Celestial Haste ใส่ตัวไว้
จริงๆอันนี้จะร่ายหรือไม่ก็ได้ครับ แต่ถ้าร่ายไว้จะได้ Action Point เพิ่ม 1 แต้มทันที ถ้ารวมกับผลของข้อ 3 ก็หมายความว่าคุณสามารถร่ายเวทย์ได้ 3 ครั้งใน 1 เทิร์นเลย

การใช้งานบิ้วนี้ในการต่อสู้แบบ Step by Step
1. ร่ายเวทย์ Create Water ใส่กลุ่มศัตรู
ขั้นนี้จำเป็นมากระดับต้องทำให้ได้ แต่ไม่จำเป็นที่เราจะร่ายเองก็ได้ครับ ถ้ามีเพื่อนที่มีเวทย์นี้อยู่ก็ให้ร่ายแทนได้ประหยัด Slot ไปในตัวด้วย

โดยเวทย์นี้จะทำให้ศัตรูติดสถานะ Wet 3 เทิร์น (ถ้าเปิด Metamagic: Extended จะเป็น 6 เทิร์น) ซึ่งใน 3 เทิร์นนั้น ศัตรูนั้นๆจะโดนดาเมจน้ำแข็งและสายฟ้าเป็น 2 เท่าครับ

หากศัตรูกระจายตัวกันมากๆ ผมแนะนำให้ Upcast ร่ายเวทย์นี้ในเวลที่สูงขึ้น มันจะขยายขอบเขตของเวทย์ให้กว้างขึ้นครับ จากที่ทดลองดู เวทย์นี้เลเวล 4 ก็เพียงพอจะครอบคลุมพื้นที่ส่วนใหญ่ได้แล้ว ดังนั้น ควรกั๊ก Slot เวล 4 ไว้ใช้แวทย์นี้ก็จะดีมากครับ

2. ร่ายเวทย์ Chain Lightning ใส่ศัตรูที่ติด Wet
มาถึงช็อตพระเอกของเราแล้ว เมื่อคุณเตรียมทุกอย่างพร้อมแล้ว ก็ให้ร่ายเวทย์ Chain Lightning ได้เลยครับ โดยพอร่ายติดมันจะมี Reaction ขึ้นมาถามว่าเราจะใช้ Destructive Wrath มั๊ย (บังคับ Max Damage) ก็กดใช้สิครับ รออะไร โดยถ้าศัตรูไม่ติด Saved (Spell Save DC เราประมาณ 26) จะโดนดาเมจ 168+ ต่อตัวเลยทีเดียว และจะกระจายไปใส่ศัตรูใกล้เคียงในระยะ 18 เมตรอีก 3 ตัวด้วย ข้อเสียอย่างเดียวเลยคือ เราไม่สามารถบังคับสายฟ้าที่กระจายไปได้ว่าจะไปโดนตัวไหนต่อ ก็ถือเป็นการลุ้นหวยออกเล่นๆไปครับ

ในขั้นตอนนี้ ถ้ามีศัตรูจำนวนมากๆ (ประมาณ 8-10 ตัว) ให้เราเปิดใช้ Metamagic: Twinned Spell ไปเลยครับ แล้วแยกยิงใส่ตัวริมสุดสองตัว ถ้าโชคดีมันไม่เกาะกลุ่มกันมาก คุณจะสามารถทำดาเมจ 168+ ใส่ศัตรูได้ถึง 8 ตัวในการร่ายครั้งเดียว ซึ่งถ้าคำนวณเล่นๆก็ประมาณ 1,344+ ดาเมจกันเลยทีเดียว! … แต่ตอนนี้ใน Patch 6 Hotfix 25 ที่ผมลองเทส ไม่สามารถยิง Chain Lightning ด้วย Twinned ได้แล้วนะครับ (Chain Lightning จากไม้เท้ายังใช้ Twinned ได้อยู่) แต่ไม่เป็นไร ถึงโดนเนิร์ฟไปก็ยังแรงเท่าเดิมอยู่ดีนะ แถมตอนยิงสองเส้นบางทีมันก็กระจายไม่ครบด้วย ถือซะว่าเป็นการเนิร์ฟ Chain Lightning ให้เราประหยัดแต้ม Sorcery Point ไปละกันครับ

3. ร่ายเวทย์ Chain Lightning หรือเวทย์สายฟ้าอื่นๆ (Lightning Bolt / Call Lightning) ใส่ศัตรูที่ยังเหลือ
ผมก็ไม่แน่ใจว่า หลังจากยิงไปแล้ว คุณยังจะเหลืออะไรให้ร่ายเวทย์ใส่อีกรึป่าว แต่ถ้าคุณร่าย Haste หรือกิน Bloodlust ไว้ก่อนตามที่บอก คุณก็จะมี Action Point เหลืออยู่ 1-2 แต้มเพื่อร่ายเวทย์อะไรก็ได้ตามที่ใจต้องการเลย … ในส่วนของ Bonus Action นั้น ผมแนะนำว่า เอาไว้ใช้สำหรับ Misty Step ไม่ก็ Sanctuary ครับ เพื่อการเข้าออกที่คล่องตัวมากขึ้น

จำนวนครั้งของเวทย์ Chain Lightning ของบิ้วนี้
ผมจะสรุปจำนวนคร่าวๆให้พอเห็นภาพนะครับว่าบิ้วนี้ หากบิ้วเต็มแล้วจะสามารถใช้ Chain Lightning ได้กี่ครั้ง
ครั้งที่ 1 จาก Spell Slot เลเวล 6 ปกติ
ครั้งที่ 2 จาก Arcane Battery ของไม้เท้า
ครั้งที่ 3 จากการฟื้น Slot เลเวล 6 ด้วยสร้อยสำรอง Spellcrux Amulet
ครั้งที่ 4 จากเวทย์ฟรีของโหมดสายฟ้าของไม้เท้า
ครั้งที่ 5 จากเวทย์ฟรีของโหมดสายฟ้าของไม้เท้า หลัง Short Rest ครั้งที่ 1
ครั้งที่ 6 จากเวทย์ฟรีของโหมดสายฟ้าของไม้เท้า หลัง Short Rest ครั้งที่ 2
ครั้งที่ 7 จากสกิล Tadpole ที่ชื่อว่า Freecast ถ้าคุณอัพไว้ โดยการปลดผนึกพลังด้วย Astral Tadpole ที่ได้จาก Emperor ตอนเริ่มต้น Act 3 แต่อัพเดทล่าสุด (Hotfix 11) มันมีบั๊กอยู่ครับ คือใช้ทีเดียวแล้วจะใช้ไม่ได้อีกเลย ดังนั้นผมแนะนำให้รอแพทช์แก้ตรงนี้ก่อนครับ

จำนวนชาร์จของ Channel Divinity สำหรับทำ Max Damage Ourput
มีชาร์จ 2 แต้ม หลัง Long Rest
มีชาร์จ 2 แต้ม หลัง Short Rest ครั้งที่ 1
มีชาร์จ 2 แต้ม หลัง Short Rest ครั้งที่ 2
เป็นจำนวนรวมทั้งหมด 6 แต้ม

ตอนนี้พอมองเห็นความสัมพันธ์ของจำนวนเวทย์ Chain Lightning และแต้ม Channel Divinity แล้วใช่มั๊ยครับ ถ้าคุณคุมจำนวนการใช้ดีๆ (ครั้งที่ 1 คู่กับ 4, 2 คู่ 5, 3 คู่ 6) คุณจะสามารถทำดาเมจเต็มที่ได้เยอะมากๆครับ และถึงคุณพลาดไป ก็ยังมีเวทย์สายฟ้าสำรองอย่าง Call Lightning ไว้ให้ใช้อยู่ดี ดังนั้น ยังไงบิ้วนี้ก็แทบจะไม่ขัดสนดาเมจเลยครับ ยกเว้น Slot คุณจะหมดเกลี้ยงจริง อันนี้ก็ไปนอนพักไม่ก็ไปกินยา Angelic Slumber นะครับ แต่อย่างหลังไม่แนะนำเพราะยามันหายากอยู่
แนวทางการอัพเลเวลและไอเท็มก่อน Endgame
เนื่องจากมีหลายๆท่านถามเข้ามาเรื่องไอเท็มที่สามารถใช้ได้จาก Act 1 และ Act 2 เพราะยังไปไม่ถึง Endgame ใน Act 3 พร้อมทั้งมีหลายๆท่านถามเรื่องการอัพหรือรีคลาสในช่วงเลเวลนั้นๆ ผมเลยขอทำหมวดนี้เพิ่มให้เพื่อเป็นข้อมูลเบื้องต้นให้กับผู้ที่สนใจเอาไปปรับใช้กันนะครับ

แนวทางการอัพเลเวลในแต่ละขั้น
ในไกด์ของผมส่วนใหญ่จะเป็นการอัพเลเวลยาวๆไปจนเลเวล 12 เลย ทำให้หลายๆท่านที่เล่นตั้งแต่แรกเริ่ม อาจจะใช้บิ้วนี้ได้ไม่เต็มที่ ผมเลยขอทำตารางแนะนำแนวทางการอัพเลเวล พร้อมเหตุผลคร่าวๆมาให้เป็นทางเลือกสำหรับคนที่เริ่มเล่นและเติบโตไปพร้อมกับบิ้วนี้ครับผม

LEVEL
แนวทางการอัพเลเวล/Respec
เหตุผลคร่าวๆในการอัพ/Respec
1
Wizard 1
เพื่อให้สามารถเรียนเวทย์จาก Scrolls ได้
2
Wizard 1 / Cleric 1
เพื่อเอาเวทย์ Create Water และ Sanctuary
3
Wizard 1 / Cleric 2
เพื่อให้ได้สกิล Destructive Wrath ไว้ใช้กับ Witch Bolt
4
Wizard 1 / Cleric 2 / Sorcerer 1
-
5
Wizard 1 / Cleric 2 / Sorcerer 2
เพื่อให้มี Sorcery Point และ Metamagic ไว้ใช้
6
Wizard 1 / Cleric 2 / Sorcerer 3
เพื่อเอา Metamagic: Quickened Spell ไว้ใช้
7
Wizard 1 / Cleric 2 / Sorcerer 4
เพื่อเอา Feat แรก
8
Wizard 1 / Cleric 2 / Sorcerer 5
-
9
Wizard 1 / Cleric 2 / Sorcerer 6
เพื่อให้ได้เวทย์ Call Lightning มาใช้
10
Wizard 1 / Cleric 2 / Sorcerer 7
-
11
Wizard 1 / Cleric 2 / Sorcerer 8
เพื่อเอา Feat ที่สอง
12
Wizard 2 / Cleric 2 / Sorcerer 8
เพื่อเอาสกิล Sculpt Spells ของ Evocation Subclass

ไอเท็มและอุปกรณ์ทางเลือกก่อนถึง Endgame
ในส่วนนี้มีคนต้องการเยอะครับ สำหรับบางบิ้วนั้นจะเทพได้ก็ต่อเมื่อมีของ Endgame เท่านั้นจริงๆ ... แต่ผมจะพยายามหาทางอุปกรณ์ทางเลือกมาแนะนำให้ทุกท่านได้เอาไว้ใช้งานก่อนมีของเทพละกัน สำหรับใครที่อยากรู้ข้อมูลของอุปกรณ์แต่ละชิ้น ลองเอาชื่อไป Search หาใน https://bg3.wiki/ ได้เลยครับ

ประเภทอุปกรณ์สวมใส่
ACT1
ACT2
ACT3
หมวก/ส่วนหัว
Warped Headband of Intellect
Warped Headband of Intellect
Hood of the Weave
ผ้าคลุม
The Deathstalker Mantle (ถ้ามี Dark Urge)
Cloak of Protection
Cloak of The Weave
เสื้อ/ชุดเกราะ
The Protecty Sparkswall
The Protecty Sparkswall
Robe of the Weave
ถุงมือ
Gloves of Belligerent Skies
Gloves of Belligerent Skies
Helldusk Gloves
รองเท้า
Disintegrating Night Walkers
Disintegrating Night Walkers
Disintegrating Night Walkers
สร้อยคอ
Necklace of Elemental Augmentation
Spellcrux Amulet
Amulet of The Devout
แหวนวงที่ 1
Crusher's Ring
Eversight Ring
Eversight Ring
แหวนวงที่ 2
The Sparkswall
The Sparkswall
The Sparkswall
อาวุธ Melee มือหลัก
The Spellsparkler
The Spellsparkler
Markoheshkir
อาวุธ Melee มือรอง
The Real Sparky Sparkswall
Ketheric's Shield
Ketheric's Shield
อาวุธ Range
Spellthief
Darkfire Shortbow
Gontr Mael

ในช่วงต้น Act 1 พอได้ Warped Headband of Intellect มาแล้ว ให้ Respec Int เหลือ 8 เพื่อเอาไปเพิ่มค่าอื่นแทนยาวๆเลยครับ เพราะ Int 17 ก็เพียงพอที่จะใช้ใน Act 1-2 สบายๆ หลังจากนั้นพอได้หมวก Hood of the Weave แล้วค่อยไป Respec เพิ่ม Int ตามไกด์นี้ครับ

ส่วนอุปกรณ์อื่นๆก็ไม่ได้ซีเรียสมาก ถ้าคุณเป็นนักเวทย์ในตี้คนเดียวก็แทบจะไม่ได้แย่งของจากเพื่อนๆอยู่แล้ว แต่ผมแนะนำให้ใส่แหวน The Sparkswall และรองเท้า Disintegrating Night Walkers ตั้งแต่ Act 1 ตอนได้มาเลยครับ เพราะของสองอย่างนี้ใช้ได้ดีมากๆกับบิ้วนี้ยัน Endgame นู่นเลยล่ะ
Conclusion
เป็นยังไงกันบ้างครับ กับ Wall of text ของบิ้วแรกนี้ หวังว่าจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่สนใจไม่มากก็น้อยนะครับ จริงๆแล้วยังมีอีกหลายบิ้วเลยที่กำลังเทสและ Min Max กันอยู่ ยังไงถ้าพอมีเวลาผมจะทำลงไว้ให้เรื่อยๆนะครับผม หากใครอยากเล่นด้วยกันหรือดูการเล่นสดๆก็มาพบกันได้ใน Twitch นะครับ

ต้องขอขอบคุณทุกท่านที่สละเวลามาอ่านจนถึงจุดนี้ด้วยครับ หากมีข้อเสนอแนะ ติชมตักเตือน หรืออยากให้ทำไกด์บิ้วแนวไหน สามารถพูดคุยคอมเม้นท์กันไว้ได้เลยนะครับ ทางผมพร้อมและน้อมรับคำแนะนำจากทุกท่านเพื่อนำมาปรับปรุงครับ

ขอให้สนุกกับการผจญภัย แล้วพบกันใหม่ กับไกด์หน้าครับผม
Bonus รวมคลิปการบิ้ว วิธีเล่น และเทสรัน
สำหรับใครที่ขี้เกียจอ่านเรียงความยาวๆของผมนะครับ ลองดูในคลิปด้านล่างได้เลย ผมทำเผื่อไว้ให้แล้ว ... สามารถพูดคุยสอบถามได้จากในคลิปหรือในไกด์นี้ได้เลยนะครับ

คลิปการทำบิ้วตั้งแต่ Level 01-12


คลิปวิธีเล่นแบบคร่าวๆและอุปกรณ์ที่ใช้


คลิป Tactician Solo Test Run

Link Guide&Build อื่นๆที่ผมได้ทำไว้
สำหรับใครที่ขี้เกียจเลื่อนหา หรืออาจจะหาไกด์ไหนไม่เจอ ลองกดไปดูในสารบัญรวมเล่มนี้ได้เลยครับ
https://steamcommunity.com/sharedfiles/filedetails/?id=3140547253
6 Comments
Kingreader-K  [author] Nov 24, 2023 @ 6:39am 
จริงๆผมก็อยากทำคลิปนะคุณต้น แต่ไม่มีเวลาอัดแล้วก็ Edit ตัดต่อ ผมเลย อ่ะ มีเวลานั่งพิมพ์ก็ยาวๆไปครับ 5555
Ton Na Ja Nov 24, 2023 @ 4:35am 
เขียวไว้ละเอียดมากครับขอบคุณครับ
Kingreader-K  [author] Nov 23, 2023 @ 7:09pm 
ลองดูครับ ใช้ได้กับทุกตัวเลยครับ 555

แต่ตอนนี้ Freecast ของสกิล Tadpole มันบั๊กอยู่นะครับ ใช้ได้ทีเดียวแล้วหายยาวเลย ผมเลยว่าจะแนะนำให้อย่าเพิ่งใช้ Freecast จนกว่าจะมีแพทช์มาแก้ครับ
raze.jp Nov 22, 2023 @ 9:43pm 
ขอบคุณครับ เดี๋ยวไปลองบิ้วตามดู อาจจะไม่ได้ใช้กับตัวหลัก แต่ดูแล้วน่าจะใช้กับGaleหรือแม้แต่SHได้:steamthumbsup:
Kingreader-K  [author] Nov 21, 2023 @ 11:03am 
ถ้าคลาส Sorcerer จะใช้ Cha เป็นตัว Modifier เวทย์ครับ เช่น ความแรงของเวทย์, Attack Roll ของเวทย์, หรือ Spell Save DC ของเวทย์ของคลาส Sorcerer จะขึ้นอยู่กับค่า Cha

แต่บิ้วนี้ ผมใช้เวทย์ของ Wizard ในการทำดาเมจเป็นหลัก เลยอัพ Int ให้สูงแทนครับ เพราะ Int เป็น Modifier ของคลาสนี้
Shoes Eater Nov 19, 2023 @ 10:57pm 
INT กับ CHA ในคลาส Sorcerer ต่างกันยังไงครับ เห็นดาวอยู่ที่ค่า CHA