4 people found this review helpful
Recommended
0.0 hrs last two weeks / 47.8 hrs on record (25.5 hrs at review time)
Posted: Sep 18, 2014 @ 11:58pm
Updated: Sep 19, 2014 @ 6:58am

รีวิวผมจะไม่กล่าวถึง DLC ทั้ง 3 ส่วนนะ

Gameplay: คล้ายๆกับเกม Bioshock 2 ภาคก่อนหน้านี้ แต่มีลูกเล่นเพิ่มขึ้นมาอีก 2-3 อย่าง คือรางเลื่อนเพื่อใช้ในการเคลื่อนที่ไปมารอบฉากและการเรียกไอเทมหรือยูนิตอื่นๆมาช่วยเหลือ ทำให้เกมเน้นไปที่การต่อสู้แบบรวดเร็ว ไม่มีการมาหลบๆซ่อนเหมือนซี่รี่ย์ Rapture (ฉากแผนที่เองก็ไม่เอื้อต่อการเล่นสเตล)ระบบปืนพกได้สูงสุด 2 อย่าง พ่วงด้วยระบบอัพเกรดปืนที่ต้องเลือกปืนที่คุณใช้บ่อยที่สุดเพราะเงินอัพเกรดจะไม่พอ ระบบ Plasmid เปลี่ยนชื่อเป็น Vigor ซึ่งน่าเสียดายตรงที่พลังเหล่านี้ส่วนใหญ่มีความสามารถที่คล้ายๆกัน (การสตันศัตรู) และ Tonic เปลี่ยนเป็นอุปกรณ์สวมใส่ - ผมให้ 3/5

Enemy: ทั้งหมดเป็นประชาชนลอยฟ้าชาวโคลอมเบีย พวกเขาไม่มีบทพูดเจ๋งๆแบบ Splicer ซักกะนิด แถมมี AI ที่ค่อนข้างโง่ทีเดียวและไม่มีพลัง Vigor ไว้ต้านตัวเอกเลยซักคน! บอสใหญ่จาก Bigdaddy เปลี่ยนเป็นตัวที่ไม่มีอะไรให้น่าจดจำมากนักอย่าง Handyman (ผมละเสียดาย Songbird มากเลย ที่บทมันน่าจะทำได้ดีกว่านี้ ให้กุยิงมันบ้้างก็ดีนะ )- ผมให้ 1/5

Story: มีเนื้อเรื่องที่ลึกและเต็มไปด้วยกลิ่นอายของไซไฟผสมการเมืองและศาสนา มีการเล่าเรื่องราวที่ดีใช้ได้ผ่านทางบทสนทนาของตัวเอกและบันทึกต่างๆ - 5/5

Graphic, Audio - การที่เป็นเมืองลอยฟ้าและเล่นสีโทนฟ้าตัดกับส้ม มันทำให้ได้งานศิลป์ที่ดูดีเอามากๆ รายละเอียดของธีมในยุค 60 ถือว่าทำได้ดี เสียงถือว่าดีและการพากย์ตัวละครดีเยี่ยม - Graphic 5/5 , Audio 5/5

Replay - เหตุผลที่ควรกลับมาเล่นใหม่ ส่วนใหญ่จะเป็นที่เนื้อเรื่องที่อาจจะตามเก็บไม่ครบ เล่นสายพลังใหม่ๆที่ไม่เคยเล่นซะมากกว่า - 2/5

Bug - ผมไม่พบปัญหาใดๆและเล่นเกมได้อย่างราบลื่น - 5/5

Final - เกม FPS ที่มีเนื้อเรื่องและการเล่าเรื่องที่ดีผ่านเมืองลอยฟ้าอันแสนงาม - 4/5
Was this review helpful? Yes No Funny Award